วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 20, 2025
หน้าแรกHighlight‘โรม’จี้เข้มกระบวนการคัดกรอง‘ค้ามนุษย์’ เค้นหาข้อมูลถอนรากถอนโคน‘แก๊งคอลฯ’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘โรม’จี้เข้มกระบวนการคัดกรอง‘ค้ามนุษย์’ เค้นหาข้อมูลถอนรากถอนโคน‘แก๊งคอลฯ’

ขอ อย่าเพิ่งสรุปเหยื่อค้ามนุษย์สมัครใจมา ชี้ ต้องให้ความสำคัญในกระบวนการคัดกรอง หลังพบข้อจำกัดเรื่องภาษา ชี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลสาวถึงตัวการใหญ่ ถอนรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มองหากออกหมายจับ “หม่อง ชิตตู่” ไม่ได้ ต้องมีคนรับผิดชอบ

วันที่ 16 ก.พ.2568 ที่จ.ตาก นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา กับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ว่า วันนี้เราได้คุยกับทางหน่วยเฉพาะกิจราชมนู และกองกำลังนเรศวร โดยจากการพูดคุย มี 2ขั้นตอน คือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทำได้ดีแล้วแต่ยังมีจุดอ่อนทางด้านนโยบายและกฎหมาย รวมไปถึงอุปกรณ์บางอย่าง ที่กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดในอนาคตได้ เช่นอุปกรณ์แผงโซลาเซลล์ จานดาวเทียมสตาร์ลิ้งค์ และน้ำมัน ที่ยังพบว่ามีการลักลอบนำข้ามไปฝั่งเมียนมา

“การแก้ไขปัญหาในระยะยาว รัฐบาลจะต้องมีมาตรการรองรับ ซึ่งควรจะต้องให้การสนับสนุนพื้นที่ชายแดนมากกว่านี้ และควรจะต้องมีงบประมาณ กำลังพลและเทคโนโลยี จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอแผนอุปกรณ์ดังกล่าวขึ้นมายังกรรมาธิการฯ เพราะกรรมาธิการฯ มีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้รอบด้าน” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงข้อกังวลว่า เที่ยวบินเอกชนที่เดินทางมายังสนามบินแม่สอด ซึ่งตนเองได้โดยสารมาพบว่ามีชาวต่างชาติโดยสารมาจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลทางการทหารที่ยังมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา แม้จะมีการตั้งหน่วยคัดกรองถึง 4 ชั้นแล้วก็ตาม แต่ตนเองก็เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทหารไม่สามารถเข้าไปทำการจับกุมได้ ตนจึงขอให้รัฐบาลทำการทบทวนนโยบายฟรีวีซ่า และขอให้มีการจัดโซนนิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดน ซึ่งชาวต่างชาติที่จะมาในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการมา และให้พิจารณาเป็นราย ส่วนข้อกังวลที่ 2 คือประเด็นเรื่องท่าข้าม เพราะข้อมูลทางการทหารรายงานว่า จุดท่าข้ามยังทีการลักลอบขนคน และส่งน้ำมันหลังเวลา 18.00น.

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน รัฐกะเหรี่ยง หรือ BGF ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญในการควบคุมเมียวดี และชเวก๊กโก และส่วนตัวเชื่อมีตัวเลขของคนที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในชเวก๊กโก มีประมาณหลักแสนคน ซึ่งยังไม่รวมกลุ่มเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก และตอนนี้ตนได้ข้อมูลว่ามีความพยายามนำนายทุนรายใหญ่ หลบหนีไปอยู่ที่เมืองพะอัน ดังนั้นการปราบปรามจะต้องเพิ่มมิติในการทำงาน เช่นการพูดคุยในหลายฝ่าย เพราะการพูดคุยกับทางการเมียนมา อาจะยังไม่เพียงพอ

ประธานกมธ.มั่นคง กล่าวว่า ส่วนที่กรณีทางการไทยออกมาแถลงว่า เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ที่เป็นชาวต่างชาติและรับได้รับการช่วยเหลือมาแล้ว 260คน มีเพียงแค่1คนที่ถูกหลอก ที่เหลือสมัครใจมานั้น นายรังสิมันต์ โรม มองว่า ตนยังไม่อยากสรุปตอนนี้เพราะกระบวนการคัดกรองมี 2ชั้นซึ่งการคัดกรองขั้นใน ทางการไทยไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยในรายละเอียดการคัดกรองว่าเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่สังเกต ก็พบเห็นข้อจำกัดเรื่องภาษา เนื่องจากภาษาอังกฤษ และจีนคงไม่เพียงพอ ต้องมีภาษาอื่นๆเข้ามาด้วย รวมถึงข้อจำกัดเรื่องสถานทูต เพราะเหยื่อยางประเทศก็ไม่มีสถานทูตในประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ ต้องใช้บุคลากรในการคัดกรองหลักหมื่นคน ซึ่งตนจึงมองว่า รัฐบาลไทยต้องให้ความสำคัญกับการคัดกรอง ให้มีประสิทธิภาพ จึงจะได้เห็นว่าใครเป็นตัวการใหญ่ และคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการที่จะนำไปสู่การทลายกลุ่มขบวนการแบบถอดรากถอนโคนได้

เมื่อถามว่าทางการจีน ส่งรายชื่อของตัวขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับทางการไทย 3,700 คนไปคัดแยกออกจากเหยื่อนั้น จะเป็นการช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นเพียงบรรเทาทุเลาเบาบาง ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ถ้าหากทำได้คงทำไปนานแล้ว แต่ข้อมูลทางการจีนนั้นมีความสำคัญแน่นอนแต่ไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด ยกตัวอย่าง ตึกเคเคปาร์ค มีตัวการสำคัญคือ หวัน ค็อกคอย ซึ่งเป็นมาเฟียระดับโลกเป็นที่ต้องการตัวของหลายประเทศ ซึ่งการจะไปจับกุม ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนที่ชเวก๊กโก ก็มี พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ที่อยู่ในฐานะผู้ร่วมลงทุน ถือเป็นอาชญากรรายสำคัญ การสอบสวนจึงต้องมีการขยายผลไปยังบุคคลอีกหลายกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การถอนรากถอนโคนอย่างแท้จริง

เมื่อถามว่ากองกำลัง BGF พยายามกวาดล้างและคืนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ถือเป็นการจัดฉากหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นได้ทั้งหน้าฉากและการเอาจริง พร้อมตั้งคำถามกลับว่า “ถ้าหากจะเอาจริงทำไมพึ่งมาทำตอนนี้ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายไทย ทั้งอัยการและดีเอสไอ หากไม่สามารถออกหมายจับได้จะต้องมีคนรับผิดชอบ เราไม่ควรปล่อยให้อาชญากรทำการละเมิดกฎหมายไทยไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศก็ตาม”

เมื่อถามว่าทางการไทยแถลงถือเป็นการซูเอี๋ย กันในการจัดลำดับการค้ามนุษย์หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนกังวลเรื่องการซูเอี๋ย ระหว่างกองกำลัง BGF และฝ่ายไทย ส่วนเรื่องของขั้นตอนกลไกการส่งต่อระดับชาติหรือ NRM ตนจะมีการหารือกับ สมช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อคัดกรองว่าใครเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ แต่ตอนนี้ไม่ควรจะรีบสรุปว่าใครคืออาชญากร ซึ่งจะต้องทำกระบวนการคัดกรองให้มีประสิทธิภาพจริงๆก่อน

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img