“ไอติม” ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ข้องใจจุดยืนพรรคร่วมรัฐบาลเห็นต่างแก้รัฐธรรมนูญ แซะภท.ไม่ร่วมแก้รัธรรมนูญ กังวลข้อกฎหมาย หรือจุดยืนการเมืองไม่ตรงกัน ห่วงต่อรองหลังเวทีเอาเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญแลกตั้งบ่อนกาสิโน “ประเสริฐ” โต้พรรคร่วมฯไม่ขัดแย้งแก้รธน. แค่เห็นต่างเรื่องกระบวนการแก้ไข ปัดไม่มีเงื่อนไขต่อรองแลกผลประโยชน์
วันที่ 20 ก.พ.2568 เวลา 10.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณากระทู้ถามสดเรื่องความชัดเจนต่อการทำนโยบายรัฐบาลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความเห็นต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถามสดนายกฯว่าที่ แม้รัฐบาลยืนยันการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่เห็นพรรคร่วมรัฐบาล และสว.หัวใจเดียวกันสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ อ้างข้อกังวลด้านข้อกฎหมายที่ยังไม่มีความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ จึงอยากทราบเหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลและสว.ไม่ร่วมมือแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเพราะความกังวลข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาจุดยืนทางการเมืองที่ไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกภายหลังว่า พร้อมสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ หากสิ้นข้อสงสัยด้านข้อกฎหมาย แต่หากสว.ไม่ร่วมแก้ไขด้วย ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันจะสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ อีกทั้งคำพูดของนายกรัฐมนตรีระบุว่า ได้หารือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แต่นายอนุทินบอกนายกฯไม่เคยมาคุยเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นคำพูดใครควรเชื่อถือกว่ากัน
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ความเห็นต่างระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอีกเรื่องคือ สถานบันเทิงครบวงจร ที่ล่าสุดร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ที่รัฐบาลรับหลักการ ไม่ได้แก้ไขข้อกังวลของพรรคร่วมรัฐบาลก่อนหน้านี้ได้แก่ 1.ไม่ได้แก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย 2.การเปิดประมูลแข่งขันการทำสถานบันเทิงครบวงจร และการเปิดรับฟังความเห็นประชาชน 3.ไม่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวในเมืองที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร 4.การสร้างงานแก่แรงงานไทย 4ข้อกังวลที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยทักท้วง ปรากฏว่าในร่างกฎหมายที่ครม.รับหลักการมาไม่มีการแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้เลย
“อยากถามนายกฯว่า จะทำอย่างไรให้พรรคร่วมรัฐบาลมาสนับสนุนร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่ต้องไปตกลงหลังห้อง เรื่องสถานที่ตั้งกาสิโน หรือการนำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องกัญชาไปแลกกับเรื่องกาสิโน”นายพริษฐ์ กล่าว
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแทนนายกฯว่า นโยบายการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เราให้ความสำคัญการแก้รัฐธรรมนูญมาตลอดจนถึงรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยยังมีเจตนารมณ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เตรียมที่จะเสนอเรื่องต่อรัฐสภาเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้เกิดความสบายใจของสมาชิกรัฐสภา เชื่อว่าหากสมาชิกมีความสบายใจแล้ว เขาก็พร้อมที่จะโหวต ไม่มีใครขัดขวาง ส่วนคำถามที่ถามว่ารัฐบาลยังไม่พร้อมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ต้องเรียนว่าสมาชิกรัฐสภามีความประสงค์ที่จะอยากเห็นรัฐธรรมนูญออกมาเป็นฉบับที่ดีที่สุด ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีความขัดแย้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่อาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้างในเรื่องกระบวนการเท่านั้น การแสดงออกความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภาถือเป็นเอกสิทธิ์ ซึ่งเราก็เคารพความคิดเห็นของแต่ละคน แต่เรายังมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นร่างที่เสนอโดยพรรคการเมือง 2 พรรค การจะให้รัฐบาลต้องไปรับผิดชอบในเรื่องนี้นั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรแม้ตอนนี้จะผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการกฤษฎีกาดูในรายละเอียดเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงอยู่ในขั้นตอนการทำประชามติครั้งที่ 3 ซึ่งในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆ ก็คงจะมีการพูดคุยกันอยู่ อาจจะไร้ข้อสงสัยแล้ว แต่ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวยังไม่เข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเข้าสู่การพิจารณาแล้วสมาชิกก็สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้ตั้งแต่วาระที่ 1 จนถึงวาระที่ 3 จากนั้นก็ต้องเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภาอีก และกฎหมายทุกฉบับต้องตอบโจทย์ในการทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การลงทุน และด้านอื่นๆ
“นายกฯได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคอื่นๆ ตลอดเวลาไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน หรือแม้กระทั่งในการประชุมครม. เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนเรื่องอะไรเลย มีเพียงมุ่งเน้นเรื่องที่ประชาชนและประเทศจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดเท่านั้น ซึ่งเจตจำนง 2 นโยบายหลักได้แถลงไว้ต่อสภาฯ นั้น นายกฯใช้ภาวะผู้นำในการคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีเดินอ้อม เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเราก็ต้องดำเนินการต่อ ส่วนนโยบายอื่นๆ เช่น กัญชา ค่าแรง ผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐบาลให้ความสำคัญ แต่การเรียงลำดับขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันเนื่องจากบางเรื่องต้องใช้เวลา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญทั้งสิ้น”นายประเสริฐ กล่าว