“ปูอัด”สยอง “อดิศร” กัดไม่ปล่อย ท้วงกลางที่สภาฯ หลังวาระด่วนตร.ขอตัวไปดำเนินคดี ถูกถอดออก ซัดเป็นเรื่องน่าตกใจ สังคมจับตา เราจะอุ้มหรือจะส่งตัว ขณะที่ “พิเชษฐ์”ให้คุยกับวิป สุดท้ายอดพูด เหตุไปมอบตัวแล้ว
วันที่ 20 ก.พ.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม หลังพิจารณาวาระกระทู้ถามทั่วไปเสร็จสิ้น ได้แจ้งวาระต่างๆให้สมาชิกรับทราบ ก่อนที่จะเข้าสู่วาระเรื่องด่วน รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมกองทุนหมุนเวียนประจำปีบัญชี พ.ศ. 2565
นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นหารือว่า ประธานยังไม่ได้แจ้งวาระด่วนต่อที่ประชุม ในเรื่องสำคัญเนื่องจากประชาชนให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพราะข่าวสื่อสารออกไปแล้วว่าวันนี้(20 ก.พ.)ที่ประชุมสภาฯจะมีการพูดเรื่องการขออนุญาตสภาฯเพื่อนำตัว สส.ที่ถูกตำรวจแจ้งขอนำตัวไปดำเนินคดี ซึ่งได้บรรจุเป็นวาระด่วน เรื่องนี้สภาฯจะเอาอย่างไร เพื่อสังคมจะได้รับทราบว่าเมื่อ สส.ถูกกล่าวหาในคดีอาญา โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่รุนแรง กระทบต่อภาพลักษณ์ของสมาชิกสภาฯ และการท่องเที่ยว สภาฯอันทรงเกียรตินี้จะปกป้องหรือจะส่งตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือแจ้งมาว่าได้มีการไปมอบตัวแล้ว อย่างนี้เราจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
“นอกจากนี้ผมได้ทราบว่า สส.สตรีก็ได้ร้องเรียนเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการสอบจริยธรรม เพื่อให้สส.คนดังกล่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาฯ ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง นานๆจะเกิดสักครั้ง ไม่ควรที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่ได้พูดจา แม้จะอยู่ในระเบียบวาระหากปล่อยให้มีการพิจารณาในสัปดาห์ต่อไป เรื่องก็จะเย็น สังคมก็จะตั้งข้อกล่าวหากับสภาฯของเรา จึงเห็นว่าสมควรที่จะหารือเรื่องนี้ก่อนหรือไม่”นายอดิศร กล่าว
ด้านนายพิเชษฐ์ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่ได้บรรจุอยู่ในวาระแล้ว หากจะหารือเป็นเรื่องด่วน หรือเสนอญัตติอะไรมา ขอให้เลื่อนไปก่อนได้หรือไม่ แต่นายอดิศรแย้งว่า เรื่องนี้ยังมีปรากฎอยู่ในระเบียบวาระ หน้าที่ 4
ขณะที่นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล ชี้แจงว่าเนื่องจากระเบียบวาระ มีการออกเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเอกสารมายังสภาว่า ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตส่งตัวสส.แล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำออกจากระเบียบวาระที่จะพิจารณา แต่สำหรับสมาชิกในหนังสือเชิญยังมีระเบียบวาระดังกล่าวอยู่ จึงขอชี้แจงต่อที่ประชุมว่าระเบียบวาระดังกล่าวไม่ได้มีการพิจารณาแล้ว เนื่องจากทางตำรวจไม่ได้มีการขอส่งตัว
ด้านนายพิเชษฐ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เชียงใหม่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งมาว่าเราไม่ต้องพิจารณาเรื่องขอตัวอีก
ทำให้นายอดิศร อภิปรายอีกว่า นายไชยามพวานไปมอบตัวที่ สภ.เชียงใหม่ นั่นคือการสละเอกสิทธิ์ แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 125 บัญญัติ “ห้ามจับกุมคุมขังสมาชิกในสมัยประชุม” ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นหลักการ แม้จะต้องโทษประหารชีวิตก็ห้ามประหารชีวิต ต้องให้มาทำหน้าที่ในสภาก่อน แต่เรื่องนี้สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง กระทบต่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ จึงเป็นปัญหาว่าเรื่องอย่างนี้ไม่ควรผ่านไป ประธานได้รับแจ้งจากสภ. เชียงใหม่ก็เป็นเรื่องที่ประธานควรมาแจ้งต่อที่ประชุม เพื่อให้พวกตนทราบก่อน เพราะตนก็เพิ่งจะทราบ
นายอดิศรกล่าวว่า ในหนังสือของสภ.เชียงใหม่ ลงวันที่ 18 ก.พ. 68 ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นสส.ได้ไปมอบตัวแล้ว ตนคิดว่ากระบวนการยุติธรรมเดินต่อไป แต่อำนาจในการพิจารณาการจับกุมคุมขัง ซึ่งเป็นหลักการของสภาฯ ก็ต้องยืนยัน และเรื่องนี้จะส่งผลต่อคณะกรรมการสอบจริยธรรม ที่หลายฝ่ายต้องการให้สส.ท่านนี้ได้แสดงสปิริตถึงขั้นลาออกจากสส.
“ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ และสังคมให้ความสนใจว่าพวกเราจะอุ้มในสิ่งดังกล่าวหรือจะส่งตัวในอนาคต เพราะพนักงานสอบสวน ขั้นตำรวจ อัยการและศาลจะต้องมาขอตัวเช่นนี้อีกต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อกฎหมาย และสังคมยังจับตามองว่าเป็นสส.มีอภิสิทธิ์มากกว่าประชาชนคนธรรมดาหรือไม่ จึงอยากให้หารือเรื่องนี้และฟังคำตอบที่ชัดเจนว่า ท่านจะเอาเรื่องด่วนนี้ออกจากวาระการประชุมในวันนี้หรือไม่ หรือสัปดาห์ต่อไป ตราบใดที่ยังปรากฏในระเบียบวาระนี้ สมาชิกฯควรมีสิทธิ์พูดได้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของสมาชิกฯไม่ให้ด่างพร้อยไม่ว่าในทางใดต่อไป”นายดิศรกล่าวยืนยัน
นายพิเชษฐ์ จึงเสนอให้วิปไปหารือกับนายอดิศร โดยตนขอให้ผ่านวาระการพิจารณารับทราบรายงานไปก่อน และจากนั้นจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้นายอดิศร เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับวิปแล้ว วันนี้ยังไม่มีการพูดเรื่องของนายไชยามพวาน เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป เขาได้ไปมอบตัวแล้ว ซึ่งตนยังติดใจอยู่ เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่สังคมกำลังจับตา และเรื่องนี้ประธานยังไม่ได้แจ้งต่อที่ประชุม เพื่อให้สมาชิกรับทราบ ดังนั้นหากประธานนำขึ้นมาพูดเมื่อไหร่ ตนก็สามารถอภิปรายได้อีก