‘อนุทิน’ ลั่น ดีไม่ดี ให้ดูรัฐบาลนี้ เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ยังรวมกันได้ แม้แต่ก่อน ‘เงาไม่เหยียบ ผีไม่เผา’ บอก ไม่ได้เขี้ยว แต่เป็นสูตร สับเปลี่ยนกระทรวง คุม มท. โว สส.ภูมิใจไทย ลูกบ้านใหญ่ ส่งเรียนนอกหมด แซะใคร? ไม่เคยเห็น ‘เด็ก ภท.’ ถือไอแพดอยู่ในสภาฯ
วันที่ 1 มี.ค.68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บรรยายเรื่องการสร้างผู้นำในการเผชิญกับสภาพสังคมโลกและภูมิภาคในสภาวการณ์ปัจจุบัน และอนาคต ให้กับนักเรียนหลักสูตรการบริหารความมั่นคงของสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 61 ณ หอประชุม วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภาวดี กทม.
นายอนุทิน กล่าวถึงการสร้างผู้นำ จะเห็นได้ว่าผู้บริหารไม่ได้ดูเรื่องอาวุโสเพียงอย่างเดียว ไม่มีใครเข็ดเท่ากับเจอข้าราชการที่เหลืออายุราชการอีก 1 ปี แล้วบอกว่าเหลือ 1 ปีแล้ว อยากเกษียณแบบสบาย ยืนยันว่า ไม่ได้บอกว่าตนไม่ชอบข้าราชการ ที่บอกว่าเหลืออีก 1 ปีแล้วอยากเกษียณแบบสบาย ถ้าท่านเลือกอย่างนั้น ท่านพัฒนาประเทศไม่ได้ ต้องถอยไปเป็นหน่วยซัพพอร์ต ต้องเอาคนที่มีเวลามากพอและเชื่อในเรื่องเหล่านี้ และมีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินมากพอเท่าที่จะมารับในการอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพราะหากรัฐไม่เข้าทาง เอกชนก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องอำนวยความสะดวกอย่างมากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องได้คนที่เชื่อว่า ถ้าฉันทำด้วยเจตนาที่ดีแล้วมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มี Personal agenda ช่วยเหลือคนได้บ้าง ไม่ได้ หรือไม่ช่วยเหลือใครเลย และสามารถที่จะยืนหยัดมั่นใจว่าทำในสิ่งที่ชอบแล้ว อะไรก็ทำร้ายเขาไม่ได้ เพราะประเทศนี้ดันมีกฎหมายที่ออกซ้ายก็ได้ ออกขวาก็ได้ ทำให้คนไม่กล้า แต่สิ่งเหล่านั้น หากเราคิดกว้างๆ มันเกิดขึ้นก่อนประเทศไทย มันเกิดมีความขัดแย้งมากมาย มีการใช้อำนาจ บางทีก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่วันนี้ถ้ามัวแต่คิดถึงเรื่องร้องเพลงจงรัก อยู่นั่นว่า ฉันเป็นใครในอดีต
“ดีไม่ดี ก็ขอให้ดูรัฐบาลนี้ ภูมิใจไทยกับเพื่อไทยมารวมกันได้อย่างไร มันก็รวม แต่ก่อนผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ แต่สุดท้าย ใครจะบอกว่ามันตกลงกันได้ ก็ตกลงกันได้ แล้วเมืองไทยได้ไหม ก็ได้ ประชาชนก็ได้” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะที่ตนเข้ามาดูกระทรวงมหาดไทย เห็นหรือไม่ ปลัดมหาดไทยคนนี้ที่ตนตั้งมา อีก 6 ปีเกษียณ เพราะฉะนั้นอะไรที่วางไว้มันจะยาว ทุกคนบอกตนหมด ตอนที่จะตั้งเขา
“โอ้โหเหลืออีกตั้ง 6 ปี บ้าหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ตั้งคนโน้น เพื่อนผมสนิทกัน เหลืออีกปีเดียว สนิทกว่าคนที่ผมตั้งด้วย แต่ในภาพมันไม่ต่อเนื่อง แต่ตั้งตรงนี้ เขาก็จะมองยาว และเขาสามารถแสวงหาความร่วมมือต่างๆได้ วันนี้เขาจะไปขอความร่วมมือใครทุกคนก็ให้หมด ผู้ว่าฯ ก็ให้ ปลัดกระทรวงที่อยู่กระทรวงอื่นๆ ก็ให้ความร่วมมือ เพราะเดี๋ยวผมก็ขอความร่วมมือท่านบ้าง สั่งอะไรไปท่านก็ “ได้ครับ” ผมไม่กังวล ต่อให้มีปัญหาผมมีเวลาที่จะไปแก้ แต่ถ้าเจอปลัด 1 ปี ผมต้องจุดธูปทุกวัน ว่าสั่งอย่างนี้ไป เขาจะทำหรือเปล่า แต่ก็เห็นใจเขา เขาไม่ทำขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 เดือนสุดท้าย พอสั่งอะไรไป ‘ผมขอเวลาอำลาชีวิตราชการก่อน’ มันไม่ได้“ นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เราจะต้องจะคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ได้ทุกอย่าง ได้ทุกอย่างคือต้องโบราณด้วยและก้าวหน้าด้วย ทุกอย่างต้องอยู่ในคนๆ เดียวกัน ถ้าคนที่เราจะสร้างมาปฏิเสธขนบธรรมเนียมประเพณีทุกอย่าง ไม่สนใจอะไรเลยเจอหน้าก็ไม่ยกมือไหว้ ไม่เข้าวัดเข้าวา ทำงานอย่างเดียว อันนี้ก็ไม่ได้ AI อย่างเดียวก็ไม่ไหว มันก็ต้องมีใช้ทั้งพระเดชพระคุณ ใช้ความเชื่อประสบการณ์ที่ผ่านมาการแสวงหาความร่วมมือมาผนวกกับเทคโนโลยีต่างๆ และเดินหน้าไป
นายอนุทิน กล่าวว่า ในพรรคการเมืองที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ตนแก่ที่สุดในพรรค เวลาก็งวดมาทุกที วันนี้ตนเอาคนเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมา แต่จริงๆ ก็ไม่เด็ก อายุ 30-40 ปี แต่ตนถือว่าได้เปรียบหน่อย เพราะเด็กเหล่านี้คือลูกของบ้านใหญ่ แต่บ้านใหญ่ก็ดี บ้านใหญ่ในบ้านของผม ทุกคนส่งลูกเรียนนอกจบดีๆ ทุกคน เพราะฉะนั้นเขามี 2 วิญญาณในตัวเอง อย่างวันเสาร์ไปงานบวช งานแต่งงาน งานศพ โกนผมไฟ ทำขวัญนาคอยู่ แต่ถ้าเขามากรุงเทพฯ มาด้วยข้อมูล มาด้วย AI มาด้วยการไปแสวงหาเรื่องราวต่างๆ ที่จะมาอภิปรายในสภา
“หากเป็นรุ่นผม หากให้ไปทำเรื่อง Entertainment Complex ผมก็บอกว่าเคยไปมาเก๊า เวกัส หรือแอตแลนติกซิตี้มา ผมก็คงพูดได้แค่นั้น แต่พวกนี้เขาจะไปหาว่า Entertainment Complex จะสร้างรายได้ สร้างโอกาสได้อย่างไร มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างไร และจะต้องใส่เรื่องของคาสิโน การพนันเข้าไปเท่าใด ถึงจะไม่ทำให้ประเทศถูกมองว่าเป็นประเทศที่ส่งเสริมการพนัน เขาจะใช้ความเก๋าบวกองค์ความรู้ ในขณะที่คนรุ่นตนใช้ความเก่าเพียงอย่างเดียว มันต่างยุคต่างสมัยกัน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าคุยกับพวกกรรมการบริหารพรรคยุคใหม่ ซึ่งก็แซวเขาตลอด ว่าหากเอากระดาษไปปิดชื่อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทย ตนคิดว่าพูดกับ ‘พรรคประชาชน’ อยู่ เป็นคนที่ไฟแรง เขามีเอกลักษณ์ของเขา พรรคประชาชนเป็นพรรคที่ไฟแรง เป็น innovative ไม่กลัวใคร เอาเรื่องข้อมูลต่างๆ แต่เด็กรุ่นใหม่ของผมยังมีพื้นฐานที่มาจากความเป็นบ้านใหญ่ เห็นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ดูแลชาวบ้านอย่างไร ตรงนี้เขายังมีอยู่ ตรงนี้ถือว่าสิ่งที่ตนได้เปรียบ สร้างคนเหล่านี้ขึ้นมาในพรรคของตน เพื่อให้นำพาพรรคต่อไป
“สิ่งที่ผมไม่เคยเห็น คือเด็กพรรคภูมิใจไทยถือไอแพดอยู่ในสภา ก่อนเข้าอภิปรายมีการปิดห้องทำงานส่วนตัว เขามีการซ้อมของเขา วันนี้จะถูกอภิปรายอะไร ก็จะมีการเตรียมข้อมูลและไม่มีหลุดเฟรม เขาซ้อมในห้องของเขา และเวลาเขาออกมาก็จะ Perfect พูดสอดคล้อง นี่คือประเทศไทยในอนาคต ไม่มีมั่ว ทุกอย่างต้องทำตามรูปแบบและกรอบที่ถูกวางไว้ด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะฉะนั้นเด็กเหล่านี้ที่กำลังจะขึ้นมาและมีความสนใจการเมือง เขามีโอกาสมากมายที่จะสื่อสาร สามารถทำงาน มีรายได้และค่าจ้าง ที่เป็นหลักแสนหลักล้านได้ แต่พอเขาอินในเรื่องการเมืองขึ้นมาเขาก็จะทำอย่างเต็มที่ วันนี้หากพูดกับเขาต้องมีข้อมูลที่เท่าเขาหรือใกล้เคียงกับเขา สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราค่อยๆ ถอยออกมา“ นายอนุทิน กล่าว
ขณะเดียวกันในช่วงท้าย นักเรียน วปอ.ตั้งคำถามนายอนุทิน ว่าการผลักดันชาวอุยกูร์กลับจีน และมีการถกเถียงกันในสภาฯ มุมมองในฐานะผู้นำมองอย่างไร และถูกต้องแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมุมมอง ซึ่งชาวอุยกูร์มีพื้นฐานมาจากตุรกี เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศนั้น เขามีความรู้สึกว่าเขาเป็นคนอีกประเภทหนึ่ง และเท่าที่ทราบมาคนเหล่านี้มีศาสนาที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายมุสลิม และเมื่อจีนปฏิวัติประเทศเป็นระบอบการปกครอง ซึ่งคนเหล่านี้ยังเชื่อมั่นในระบบประเพณี ก็เกิดความขัดแย้ง ต้องใช้ความเด็ดขาด อำนาจอยู่ที่ปลายกระบอกปืน พอถึงจุด
นอกจากนี้ มีการตั้งคำถามถึงเรื่องที่ดินว่ามีกี่ประเภท และมีการร่วมกับนายทุนปลูกทุเรียน จะมีการออกกฎหมายมาแก้ไขหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แม้กระทั่งตัวเองก็โดน ในการตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ แต่ตนไม่สามารถตอบได้ว่าที่ดินมีกี่อย่าง เพราะมันมีตั้งแต่โบร่ำโบราณนานเดิม แต่ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับว่าได้มาอย่างไร ถ้าอย่างในกรณีของครอบครัวตน สนามกอล์ฟที่อยู่ปากช่อง ตอนที่ตนไปดู ชาวบ้านกำนันผู้ใหญ่บ้าน พาไปดูแปลงที่ขาย แต่สิ่งที่เราซื้อมา คือเราซื้อโฉนดไม่ได้ซื้อเอกสารสิทธิ์ มีการเปลี่ยนมือมา 6-7 ครั้งแล้ว ซึ่งนี่คือกุศโลบายว่าเวลาซื้อที่ดิน ต้องไปกรมที่ดิน ไม่เหมือนกับทำสัญญา 2 คน เพราะฉะนั้นรู้ว่า หากได้มาโดยไม่ถูกต้อง จึงต้องมีองค์กรของรัฐเข้ามาคุ้มครอง การเสียค่าธรรมเนียมก็เปรียบเหมือนเป็นการรับรองว่าจะสามารถโอนให้ หากบอกอย่างนั้น ก็โดนกันหมด ทั้งที่ดินเขากระโดง อัลไพน์ กรมที่ดินจ่ายค่าชดเชยเป็นหมื่นล้าน พอมีเรื่องขัดแย้งอะไรทางการเมือง มันก็จะมีเหตุ สักพักพอทำอะไรไม่ได้ก็จะเงียบไป อย่างเขากระโดงก็เหมือนกัน รถไฟต้องไปฟ้องศาลว่าที่ดินตรงไหนเป็นของรถไฟ แต่ที่ดินตรงนั้นมันไม่ได้ได้มาในสมัยนายชัย ชิดชอบ มันได้มาก่อน ถือครองเพียง 200 ไร่ใน 5,000 ไร่ แต่ต้องมาลงในตระกูลชิดชอบเท่านั้น ถนนวิ่งเต็มในที่ 5,000 ไร่ แล้วจะเป็นของการรถไฟได้อย่างไร เป็นของกรมทางหลวงใช่หรือไม่
“ผมไม่กังวลในเรื่องนี้ แม้แต่พ้นตำแหน่ง มท.1 ไปแล้ว เปลี่ยนอีก 5 มท.ก็ยังไม่จบ และผมทำได้อย่างเดียวเพียงทำตามคำสั่งศาล ไม่รู้ว่าระบบอย่างนี้ทำมาได้อย่างไร ถามว่าวันนี้กล้าไปซื้อที่ดินปากช่องเขาใหญ่หรือไม่” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่มีนโยบายกาสิโน แต่มาร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บวกกาสิโน แต่เมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเมื่อพรรคภูมิใจไทยมีอะไรก็ใส่ขึ้นเข้าไป อย่างนโยบายกัญชา แต่เพื่อไทยไม่มี เขาก็ต้องรับ เมื่อมาร่วมรัฐบาลก็ต้องสนับสนุน โดยมีกรอบอย่างไร เวลาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องหาจุดลงตัวกันให้ได้ และทำให้รู้สึกว่าไม่ได้เป็นการดึงออกจากหน่วยงานหนึ่งออกไป ก่อนเล่าย้อนว่าในร่างแรก ไม่ให้อำนาจของกระทรวงมหาดไทย โดยให้อำนาจกับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษากฎหมาย จึงไม่เห็นด้วย กลับไปหารือกับ คณะกรรมการและเกิดการถกเถียงกัน จนออกมาเป็นร่างพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ที่ให้อำนาจกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับนายกรัฐมนตรีได้ ยืนยันว่า ไม่ใช่ภูมิใจขวาง แต่จริงๆ แล้ว บางที มท.1 กับ นายกรัฐมนตรีพรรคเดียวกัน แต่เมื่อไม่เป็นพรรคเดียวกันมีไหม ก็เคยมี ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบททางการเมือง ซึ่งวันนี้ไม่มีพรรคใดได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ก็ต้องมานั่งเจรจากัน
”อย่างพรรคของตนในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คุมกระทรวงคมนาคม สาธารณสุข และท่องเที่ยว เป็นรัฐบาลผสมเช่นกัน พอหลังเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นลำดับ 1 และพรรคตนเป็นลำดับ 2 เพื่อไทยก็เจรจาว่าอยู่คมนาคมมา และสาธารณสุขมาแล้ว 4 ปี ต้องสับเปลี่ยนหมุนกันบ้าง ไม่ให้อยู่ต่อ ถ้าตนบอกว่าอยู่วัฒนธรรมก็ได้บริบททางการเมืองมันรู้อยู่แล้ว ว่ามีกี่เสียงควรขอ แบบนี้ หรือพูดง่ายๆ ว่าแทบเป็นสูตรสำเร็จ ว่าหากมีรัฐบาลผสมอย่างนี้ พรรคใดควรได้กระทรวงใด ไม่ต้องมีใครเก่งกว่าใครหรือเขี้ยวกว่าใคร“ นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนาม ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ว่ากระทรวงมหาดไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยว อันเป็นประโยชน์ให้เกิดการลงทุน และนำรายได้เข้าสู่ประเทศ จึงขอยืนยันและเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติม ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ววานนี้ ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568