วันอังคาร, เมษายน 1, 2025
หน้าแรกHighlight“สว.บุญจันทร์”ซัด“ทวี-DSI”เป็นมารผจญ ฟาดอย่าใช้แต่ปากทำงานลิ้นมันจะพันคอ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สว.บุญจันทร์”ซัด“ทวี-DSI”เป็นมารผจญ ฟาดอย่าใช้แต่ปากทำงานลิ้นมันจะพันคอ

“นันทนา“ ลั่นคุกมีไว้ขังคนจน ชี้เข้าถึงหมอในเรือนจำยากพอๆประกันตัว ถามหากผู้ต้องขังได้ไปโรงพยาบาลเร็วเหมือนเทวดาชั้น 14 จะมีชีวิตรอดหรือไม่ ด้าน สว.บุญจันทร์” ซัดเหน็บแซะมาครบ บอก “ทวี-ดีเอสไอ” เป็นมารผจญ คอยกระตุกขา สว. แนะ ใช้ส่วนอื่นทำงานบ้าง หากใช้ปากลิ้นมันจะพันคอ! ขู่ อาจโดนหมิ่นประมาท ผิด พ.ร.บ.คอมฯ ยกตัวอย่าง “บุญส่ง” ป่วยจะตายแล้ว หมอยังไม่ทันพูด เจ้าหน้าที่รีบบอกก่อน เหมือน “ดีเอสไอ” ประกาศปาวๆ ทำคนแตกตื่น มอง สว.ไม่ดี ขณะที่ “ชินโชติ” ด่ากราด “ดีเอสไอ”สะเออะจุ้นคดีสว.

วันที่ 4 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.  สว. ในฐานะประธานคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เสนอญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย

ต่อมาน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. อภิปรายว่า  คุกมีไว้ขังคนจนเป็นจริงหรือไม่ วิญญูชนย่อมรู้ดี และยิ่งไปกว่านั้นความเหลื่อมล้ำในการเข้ารักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง ก็ยิ่งแตกต่างกันเหมือนอยู่กันคนละพิภพ ถ้ามีเงินมีอำนาจก็จะได้อัพเกรดเป็นเทวดาจุติมาที่วิมานชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนคนจนไม่มีอำนาจก็เป็นสัมภเวสีรอรับการรักษาอยู่แถวหน้าห้องพยาบาลในเรือนจำ ไม่ว่าจะป่วยหนักขนาดไหน ก็ห้ามออกไปรักษาที่ไหน ถ้าตายก็ต้องตายเรือนจำ นี่หรือคือความยุติธรรมต่อผู้ต้องขังในสังคมไทย ซึ่งสาเหตุที่ต้องเสียชีวิตลงคือความล่าช้าของการรักษาพยาบาลและไม่มีโอกาสเข้าถึงแพทย์ ยา และโรงพยาบาล แค่โรงพยาบาลในเรือนจำยังไม่มีมีโอกาสเข้าถึง ทั้งกรณีของนายอำพล ตั้งนพคุณ ที่ใช้เวลากว่า 1 เดือน และ 3 วัน นายอำพล ถึงได้พบแพทย์ ถ้าได้ส่งตัวรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง เหมือนส่งเทวดาไปชั้น 14 นายอำพลจะรอดหรือไม่ หรือกรณีของน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ที่มีคำถามคือหากจะช่วยชีวิตของน.ส.เนติพร ทำไมไม่นำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้เรือนจำ ซึ่งหากส่งไปที่โรงพยาบาลตำรวจการฟื้นชีพอาจจะสำเร็จ หรือโรงพยาบาลตำรวจมีไว้ให้เทวดารักษาตัวเท่านั้น อาการโคม่าขนาดนี้ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้ไปรักษาในโรงพยาบาลภายนอกจนเสียชีวิตในที่สุด เป็นการเหลื่อมล้ำหรือไม่

น.ส.นันทนา กล่าวว่า และขณะนี้ยังมีนายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ นักกิจกรรม ได้ทำการอดอาหารประท้วงมาเป็นเวลา 12 วันแล้ว ด้วยเหตุผลที่ไม่ได้รับการประกันตัว ตอนนี้นายสิรภพ ถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะอาการเล็บเริ่มคล้ำ ผื่นขึ้น และไม่มีแรง ขออย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อย่าให้เขาเสียชีวิต การเข้าถึงหมอในเรือนจำเป็นเรื่องที่ยากพอๆกับการได้ประกันตัว ขั้นตอนการพบหมอ และลงชื่อเข้าคิวพบหมอก่อน 8 โมง รอคิว 1-2 วัน โควตาหมอตรวจ 1 ต่อ 20 มีหมอ 2 คนตรวจครบโควตาเริ่มใหม่พรุ่งนี้ สภาพภายในโรงพยาบาลราชทัณฑ์แออัด ห้องละ 30 เตียง โอกาสพบหมอพยาบาลน้อย คนไข้ดูแลกันเองแล้วก็ติดไข้กันเอง เจ้าหน้าที่ไม่มาดูแลคนป่วย บางครั้งผู้ต้องขังต้องนอนอยู่กับคนป่วยที่ตายแล้ว จนถึงเช้ารอผู้คุมมาจึงจะเคลื่อนย้ายศพออกไปได้ นี่คือความทุกข์ที่เกิดจากความเหลื่อมล้ำและเลือกปฏิบัติกับผู้ต้องขัง

น.ส.นันทนา กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีผู้ต้องขังจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่พึงได้รับตามสิทธิ์แห่งการเป็นมนุษย์ โดยในประเทศไทยปี 2563 ได้ออกกฎกระทรวงเรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำที่สรุปได้ว่า ถ้าผู้ต้องขังมีอาการป่วยให้ส่งตัวไปรักษาในสถานพยาบาลของเรือนจำโดยเร็ว หากไม่สามารถรักษาได้ผู้บังคับบัญชาเรือนจำมีอำนาจอนุญาตส่งตัวรักษานอกเรือนจำได้และถ้ามีเหตุจำเป็นสามารถส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้มีขึ้นเพื่อรักษาชีวิตของผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เราไม่คาดหวังว่าให้ผู้ต้องขังทุกคนต้องได้รับการรักษาที่ชั้น 14 ขอเพียงให้เขาเหล่านั้นได้เข้าถึงการรักษา ตามสิทธิ์แห่งความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันเท่านั้น จึงฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้มอบสิทธิ์แห่งการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์ จะต้องไม่มีเทวดาหรือสัมภเวสีอีกต่อไป

จากนั้นพล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว. อภิปรายอย่างดุเดือด ว่า ตนเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พร้อมขอให้เพื่อนสมาชิกเปิดลิ้นชักออกมา นำรัฐธรรมนูญมาอ่าน และติดตามที่ตนจะอภิปราย ที่ผ่านมาเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมมาก ประชาชนตื่นเต้นมากว่าวุฒิสภาเป็นอะไร เป็นอั้งยี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นไปได้อย่างไร พวกเรามาตามบทบาทมาตามหน้าที่ มาตามครรลองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  และมาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่คำกล่าวของบางท่าน เขียนป้ายใส่หน้าอกแล้วกล่าวหาว่าเป็นอั้งยี่ มันอะไรกันนักหนามันคืออะไร แต่คำว่าอั้งยี่ เป็นการรวมกลุ่มตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป รวมตัวกันเป็นสมาคมหรือองค์กรที่กระทำความผิดทางอาญา ซึ่งหากเป็นแบบนั้น ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบการเลือกตั้งทั่วประเทศเลย แบบนี้มันเป็นอั้งยี่หมดทั่วประเทศ ตีความผิดหรือไม่ จินตนาการหรือไม่ว่าที่ผ่านมาเป็นอั้งยี่

“ท่านบุญส่ง สมมติว่าท่านไม่สบาย ไปโรงพยาบาล โรงพยาบาลจะมีเจ้าหน้าที่ใช่หรือไม่ครับ อยู่ไหน อะไรยังไง ป่วยเป็นอะไร แล้วส่งต่อรายละเอียดไปให้หมอเป็นคนพิจารณาใช่หรือไม่ครับ แต่ตอนนี้ดีเอสไอเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เบื้องต้น แต่ประกาศปาวๆ ว่าสว. เป็นอั้งยี่ซ่องโจร คนทั้งประเทศแตกตื่นหมด ไปไหนมาไหนก็ถามหมด ชี้หน้าหมด ตอนนี้ไม่กล้าเดินแล้ว” พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว

พล.ต.ท.บุญจันทร์  กล่าวอย่างมีอารมรณ์ ว่า เราไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ขออนุญาต ทำงานทำหน้าที่ไป แต่อย่าเอาปากทำ อย่าพูดมาก ลิ้นมันจะพันคอท่าน สิทธิเสรีภาพของ สว.รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ป้องคุ้มครอง มีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว ชื่อเสียง เกียรติยศและครอบครัว

“อธิบดีดีเอสไอและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อย่าใช้ปากทำงาน ใช้ส่วนอื่นทำ ทำหน้าที่ไป ถ้าทำไปพูดไป ความผิดจะตามมาหลายเรื่อง ยกตัวอย่าง หมิ่นประมาท ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าตอนนี้ สว. ทุกท่านที่นั่งอยู่ในห้องเกือบ 200 คน ถึงเวลาที่ต้องลุกขึ้นมายืนปกป้องสิทธิว่าพวกเรามาโดยชอบ  มาโดยถูกต้องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้เห็น ตอนนี้หลายกรรมาธิการ (กมธ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เพื่อให้เห็นว่า สว. มีไว้ทำไม แต่ขณะเดียวกัน มีบางคนมันกระตุกขา กระตุกทำไม กระตุกเพื่ออะไร ตอนนี้เรากำลังทำทุกอย่างเดินไปด้วยดี แต่มีมารผจญ บางอย่างมากระตุก มาใส่ร้ายป้ายสีพวกเราตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องลุกขึ้นมายืนหยัด” พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว

พล.ต.ท.บุญจันทร์  ย้ำว่า ดีเอสไอเป็นแค่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่หมอ พร้อมยกตัวอย่างว่า นายบุญส่งป่วยจะตายแล้ว มันเสียหายหรือไม่ ถ้าหมอยังไม่ทันได้พูดเลย แต่เจ้าหน้าที่เบื้องต้นมาก่อน คนที่พูดออกสื่อตลอดเวลา ความรับผิดมันจะเกิดกับท่านตลอดเวลาด้วย เราห่วงใยในการทำงาน เรามาร่วมมือกันทำงาน เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย พัฒนาประเทศชาติพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้นดีหรือไม่ ดีกว่ามาคอยกระตุกขากัน

ด้านนายชินโชติ แสงสังข์ สว.อภิปรายว่า ขอปรักปรำฟันธงว่า ถ้าวันที่ 6 มี.ค.นี้ ดีเอสไอรับคดีเลือกสว.มาทำ แสดงว่า มีวาระซ่อนเร้น รับใช้กลุ่มบุคคล กลุ่มการเมือง การเลือกสว.ไม่ใช่หน้าที่ดีเอสไอ เป็นหน้าที่กกต.จะทำงานช้า ผิดพลาด ก็ไปฟ้องกกต.ละเลยปฏิบัติหน้าที่ ที่เจ็บปวดคือ โยนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจรให้สว. โจรอั้งยี่มีจริง  โจรคอลเซ็นเตอร์มีจำนวนมาก ดีเอสไอทำเรื่องนี้หรือยัง จะทำกี่โมง  ถ้าดีเอสไอทำเรื่องเลือกตั้งเองก็เอายางลบลบองค์กรอิสระออกจากสารบบได้เลย ต่อแต่นี้ดีเอสไอจะต้องรับทุกเรื่อง ในฐานะทำงานด้านแรงงาน ต่อไปถ้าโกงค่าแรง ไม่ต้องร้องกระทรวงแรงงาน วิ่งไปร้องดีเอสไอ ตนไม่มีอคติ แต่มีความรู้สึกดีเอสไอเล่นการเมืองมากเกินไป ดีเอสไอไม่มีหน้าที่เรื่องนี้ อย่าสะเออะ

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img