“เทพไท” เหน็บแรง มองจากดาวอังคารยังเห็น “เลือกฮั้ว สว.” คนรับรู้กันทั้งประเทศ ว่ามีทุจริต-บล็อกโหวต แต่ “กกต.” ผู้จัดการเลือกตั้ง กลับมองไม่เห็น ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับการเมืองไทย
เมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ใครๆ ก็รู้ว่ามีฮั้วเลือก สว. แต่ กกต.ไม่รู้” มีเนื้อหาว่า วันนี้ (6 มี.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องคดีฮั้วเลือก สว.ว่า จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ หลังจากมีการเลื่อนการประชุมมาแล้วหนึ่งครั้ง และไม่ว่าผลของการประชุมจะออกมาอย่างไร เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่า การเลือกตั้ง สว.ครั้งที่ผ่านมา มีการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งมีการรับรู้กันอย่างกว้างขวาง เช่น
1.คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เชื่อได้ว่า กกต. รู้เรื่องทั้งหมด แต่ไม่ดำเนินการอะไร เพราะวิธีการการเลือกตั้งของ กกต.ในทุกระดับ จะใช้วิธีการให้มีคนมาแจ้งเหตุ และกล่าวโทษ ร้องทุกข์ โดยนำพยานหลักฐานมาให้ด้วย กกต.จะทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่การเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ มีเรื่องผิดปกติตั้งแต่สมัคร สว. ระดับอำเภอ มีการจ้างมาสมัคร และมีการสมัครผิดกลุ่มจำนวนมาก แต่ กกต.ไม่ทำอะไร ดันทุรังให้จัดมีการเลือกตั้งต่อไป จนถึงการเลือกตั้งระดับชาติ ที่เมืองทองธานี ถ้าสังเกตคะแนนจากบัตรเลือกตั้ง จะเห็นได้ว่ามีเบอร์ซ้ำๆ ชุดเดียวกัน แต่ กกต.ไม่เฉลียวใจ หรือเกิดความสงสัย อะไรเลย
2.ผู้สมัคร สว. หรือ สว.สำรอง ได้รับรู้ตั้งแต่การเลือกตั้งระดับอำเภอมาจนถึงจังหวัด ผู้สมัคร สว. ทุกคน ย่อมรู้ดีว่า แต่ละคนมีที่มาอย่างไร จากพฤติกรรมการสมัคร ตั้งแต่ภาพถ่ายแบบเดียวกัน มีคนกรอกใบสมัครให้ แต่งตัวใส่เสื้อเป็นทีม นั่งรถมาด้วยกัน เป็นที่รับรู้ว่า ผู้สมัครกลุ่มนี้ เป็นแค่โหวตตอร์หรือหน่วยพลีชีพ มาสมัครเพื่อเลือกบุคคลอื่น ไม่ยอมเลือกแม้แต่ตัวเอง
3.ผู้ได้รับการเลือกตั้ง สว. ส่วนใหญ่ที่ได้มาด้วยการบล็อกโหวต จำนวน 150 ถึง 170 คน ต่างก็รู้ดีแก่ใจว่า ได้มาอย่างไร เพราะบางคนเป็นคนโนเนม ลงสมัคร อบต.ยังสอบตก แต่ถูกวางตัวให้เป็น สว. ก็จะได้คะแนนตามเป้าหมาย เมื่อถูกรื้อฟื้นการกระทำผิด ก็จะออกมาปกป้อง ตำแหน่งของตัวเองสุดชีวิต ไม่ยอมเสียสถานะความเป็น สว.โดยเด็ดขาด
4.พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง เพราะมีส่วนร่วมในการเข้าไปจัดตั้งผู้สมัคร สว. ด้วย เพียงแต่กระบวนการจัดการไม่ครบวงจร และทำไม่ครบกระบวนการ จัดตั้งเพียงระดับจังหวัด หรือระดับภาคเท่านั้น ไม่ได้วางเครือข่ายให้ถึงระดับชาติ จึงมาตกม้าตายในขั้นสุดท้าย จึงรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการสรรหาครั้งนี้ แบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
5.กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ได้รับการแจ้งความจาก สว. สำรอง หรือ สว. สอบตก ได้เข้าไปสอบสวน ค้นหาพยานหลักฐาน และได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการหาเส้นทางการเงิน สัญญานโทรศัพท์ จนทำให้รู้ข้อเท็จจริงว่า มีการบล็อกโหวตหรือการจัดตั้งการสรรหา สว. ครั้งนี้ และมีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้
6.ประชาชนทั่วไปที่สนใจการเมือง ต่างก็รับรู้ว่า สว. ชุดนี้ได้มาอย่างไร มีพรรคการเมืองใดหนุนหลัง ผลจากการทำงานในช่วงที่ผ่านมา ก็ปรากฏชัดว่าการทำงานของ สว. ชุดนี้มีการแท็กทีมกัน อยู่ภายใต้การกำกับสั่งการของผู้บงการ ที่อยู่เบื้องหลังการได้มาของ สว. สายสีน้ำเงินทั้งหมด
การเลือกตั้ง สว. ครั้งนี้เป็นที่รับรู้กันทั้งประเทศว่า มีการทุจริต มีการบล็อกโหวต มีการฮั้วกัน มองจากดาวอังคารยังเห็น แต่ กกต.ผู้จัดการเลือกตั้ง กลับมองไม่เห็น นับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับการเมืองของประเทศไทยมาก