“นายกฯ” เผย 4 ผู้มีอิทธิพลคุยกันทุกเรื่อง ปัดขัดแย้ง แค่เรื่องเห็นต่าง หวังหาข้อสรุปร่วมกันเดินหน้านโยบายต่อ บอกบางเรื่องเวลาลงมือทำงานไม่ตรงที่รับปากไว้ รับ “อนุทิน” เข้าบ้านจันทร์สองหล้าบ่อย
วันที่ 9 มี.ค.2568 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯให้สัมภาษณ์ถึงการหารือของ 4 ผู้มีอิทธิพลที่ประกอบด้วย นายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรี หัวเราะ พร้อมถามกลับว่า ตนก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยใช่หรือไม่
เมื่อถามว่ามีการพูดคุยอะไรที่สามารถเปิดเผยได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คุยทุกเรื่องที่จำเป็น เกี่ยวกับเรื่องของนโยบายที่คุยกันว่ามีความคิดเห็นอย่างไร อยากเดินอย่างไรต่อ และควรเดินอย่างไรกันดี เป็นที่ปรึกษากัน
เมื่อถามต่อว่ามีประเด็นอะไรที่เป็นปัญหากันหรือไม่เพราะมีแต่พรรคภูมิใจไทยที่เข้าหารือกัน นายกฯกล่าวว่า อย่างที่เคยบอกหากสมมุตินัดคุยกัน ถ้าเรานัดกันเฉพาะทีละพรรค ทีละกลุ่ม ก็จะคุยรายละเอียดได้มากกว่า และจริงๆ วันนั้นนายอนุทินก็ไปเจอคุณพ่อบ่อย และเรื่อยๆอยู่แล้ว ฉะนั้นการไปไม่ได้แปลกใหม่ เคยไปแบบนี้มาแล้ว และไม่ได้มีการสัมภาษณ์หรือการถามเกิดขึ้นก็ไปเรื่อยๆอยู่แล้ว
“จริงๆ อยากให้นัดกันบ่อยด้วยซ้ำ เพื่อที่จะได้อัพเดท ว่าเรื่องเนื้องานไปถึงไหน ซึ่งนายอนุทิน นอกจากเป็นรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยแล้ว ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ยังถือเรื่องมหาดไทยด้วย จะมีอีกหลายอย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายอนุทิน จึงต้องคุยกัน และจริงๆ มีรองนายกฯอีกหลายท่านที่ต้องคุยแยกเช่นกัน เพราะมีงานภายใต้ความรับผิดชอบของรองนายกฯเยอะ จึงไม่มีอะไรเกินความคาดหมาย” น.ส.แพทองธาร กล่าว
เมื่อถามว่าหลังจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยจะเดินไปในทิศทางเดียวกันอย่างราบรื่นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆแล้วไม่มีอะไรที่ขัดแย้งเป็นเรื่องเป็นราว แต่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันอย่างที่เคยบอกกัน เราก็เลยมาตกลงกัน ว่าเราจะเดินอย่างไรกันต่อ ไม่ได้เป็นความขัดแย้งที่ขัดแย้ง แต่เป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบางเรื่องผู้ประสานงานระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ประสานกันให้ชัดเจน เป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องแก้ไข
“บางทีดิฉันกับนายอนุทินได้พูดคุยกันแล้ว เป็นแบบหนึ่ง แต่พอประสานงานลงไปข้างล่างเป็นอีกแบบหนึ่ง ทำให้มีความผิดพลาดทางการสื่อสาร ทำให้ต้องมีการจัดการใหม่ ตกลงใครจะคุยแบบไหน เพราะบางทีงานแบบนี้ใช้หลายคน จึงต้องมีการตกลงกันในเรื่องนี้ด้วย”นายกฯกล่าว