เลขาธิการสมช. เผยสนธิกำลังลุยตรวจแคมป์คนงานทั่วกทม. หลังคลัสเตอร์แคมป์คนงานยังกระจายตัวทำให้มีผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง พร้อมหารือประเมินสถานการณ์การเปิดเทอม
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการเปิดภาคเรียนในจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ว่า กำลังรอกระทรวงสาธารณสุขประเมินสถานการณ์ในภาพรวมอยู่ และ ดังนั้นรอฟังการประเมินของกระทรวงสาธารณสุขด้วย
แม้จะเปิดการเรียนการสอนได้ แต่ก็เป็นการเรียนผ่านระบบออนไลน์ หากกระทรวงสาธารณสุขประเมินว่าสามารถเปิดภาคเรียนได้ ก็จะเปิดตามกำหนดการเดิม แต่จะให้เป็นการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ในวันนี้ (10 มิ.ย.) เราจะเริ่มมาตรการเพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมโรคในพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เพื่อจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง โดยได้ขอกำลังจากหน่วยงานความมั่นคง ทั้งตำรวจและทหาร ให้มาช่วยควบคุม เนื่องจากพบว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวตามแคมป์คนงานต่างๆ ยังมีการเคลื่อนย้ายไปยังแคมป์คนงานอื่นๆ ทั้งที่มีการติดเชื้อในแคมป์ดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจึงต้องใช้ความเข้มข้นมากขึ้น ด้วยการนำกำลังจากฝ่ายความมั่นคงไปช่วยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตามที่มีการร้องขอมา ประกอบกับคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขที่ระบุให้เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น
ต่อข้อถามว่า เหตุที่ยังมีการเคลื่อนย้ายแรงงานอยู่เป็นเพราะนายจ้างหรือผู้ประกอบการยังไม่ให้ความร่วมมือใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ได้เรียกว่าไม่ให้ความร่วมมือ แต่เขาอาจไม่เข้าใจ เพราะเห็นว่ามีผู้ติดเชื้อแค่บางส่วน จึงนำคนงานที่ยังไม่ติดเชื้อไปทำงานในแคมป์คนงานอื่น ทั้งนี้ เราเข้าใจดีว่าระบบงานก่อสร้าง แรงงานจะไม่ได้อยู่ประจำที่ ต้องมีการเคลื่อนย้ายไปทำงานยังที่ต่างๆอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในกรุงเทพฯมีแคมป์คนงานก่อสร้างทั้งหมด 409 แห่ง และหลายแห่งเป็นบริษัทเดียวกัน เป็นธรรมดาที่เขาจะหมุนเวียนแรงงานไปมา แต่ในระยะนี้เราจำเป็นต้องควบคุมไม่ให้มีการเคลื่อนย้าย เพื่อให้การติดเชื้อน้อยลง
เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ต้องถึงขั้นต้องออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างทุกไซต์งานในกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นการชั่วคราวหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ตอนนี้เราจะใช้มาตรการเพิ่มความเข้มข้นก่อน หากทำไปได้สักระยะหนึ่งแล้วสถานการณ์ดีขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากขึ้นกว่านี้ เพราะศบค.ระมัดระวังในเรื่องของเศรษฐกิจ ถ้ามีการออกคำสั่งให้หยุดทำอะไร ก็อาจจะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้ก็มีปัญหามากอยู่แล้ว จึงพยายามจะทำให้ดีที่สุดเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์โดยรวม