วันพฤหัสบดี, มีนาคม 13, 2025
หน้าแรกHighlight‘ชูศักดิ์’ยอมรับต่อไปต้องระมัดระวังเต็มที่ จะตั้งใครเป็นรมต.ต้องใช้ดุลยพินิจกันเอง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ชูศักดิ์’ยอมรับต่อไปต้องระมัดระวังเต็มที่ จะตั้งใครเป็นรมต.ต้องใช้ดุลยพินิจกันเอง

“ชูศักดิ์” ชี้ควรมีมาตรฐานที่ชัดเจนในเรื่องการตรวจคุณสมบัติ รมต. จากต้องใช้ดุลยพินิจเอง หลังศาล รธน.ไม่รับคำร้องตีความ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.68 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติของรัฐมนตรี เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและมาตรฐานจริยธรรม ว่าศาลรัฐธรรมนูญได้ตอบมาชัดเจน ซึ่งพอทราบแนวทางของศาลฯ อยู่พอสมควร ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจริงในแง่ของการตีความ ที่สำคัญคือเมื่อจะแต่งตั้งบุคคลใดต้องตรวจสอบประวัติแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เช่น บางคนถูกปรับข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด แบบนี้ถือว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ แปลว่าเป็นดุลยพินิจที่กว้าง ซึ่งหลักสำคัญของประเทศคือมีนิติรัฐและนิติธรรม ที่บอกว่ากฎหมายต้องมีความแน่นอน หมายถึงไม่ต้องใช้ดุลยพินิจอะไร จึงพยายามทำเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจน แต่เมื่อศาลฯ ไม่ตอบก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นหลังจากนี้การจะแต่งตั้งบุคคลใดต้องใช้ดุลยพินิจกันเองว่าสมควรหรือไม่

ส่วนจะสุ่มเสี่ยงหรือไม่ นายชูศักดิ์ ยอมรับว่าจะบอกว่าสุ่มเสี่ยงก็ได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่และรัฐบาลจะพิจารณาคุณสมบัติอย่างเข้มข้นเช่นเดียวกับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแพทองธาร 1 หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่าที่ผ่านมาใช้วิธีให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจสอบในเบื้องต้น ที่อาจมีการสอบถามไปถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ทั้งหมดยังไม่จบ เพราะในเมื่อเป็นดุลยพินิจก็จะเป็นปัญหาตามมา จึงเป็นเรื่องของคนที่ต้องรับผิดชอบจะต้องชั่งน้ำหนักดูว่าเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ หากมีรายชื่อบุคคลใดแล้วสังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยหรือตั้งคำถามจะสามารถแต่งตั้งได้หรือไม่ นายชูศักดิ์ หัวเราะก่อนตอบว่า เมื่อไม่มีเกณฑ์ตายตัวก็ต้องมาประเมินว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นอย่างไรและชั่งน้ำหนักกันต่อ แต่ท้ายที่สุดคนที่แต่งตั้งก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ขณะที่ คนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีหากอยากให้ชัวร์จะต้องมีประวัติที่ใสสะอาดเลยหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา นายชูศักดิ์ ระบุว่า เรื่องนี้ต้องพูดตรงไปตรงมาว่าประเทศไทยการเมืองมาแบบนี้ มีพรรคการเมือง ซึ่งนักการเมืองไม่ใช่นักบวช ไม่ใช่พระ เพราะขนาดพระก็มีข้อครหาอยู่พอสมควร ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดยากก็ต้องดูกันเอาจนกว่าจะทำการเมืองให้ใสสะอาด การเมืองมาถึงจุดนี้ก็เห็นกันอยู่ว่าเป็นอย่างไร จะพัฒนาการเมืองให้ดีขึ้นอย่างไร

ส่วนจะเป็นบรรทัดฐานของการเมืองไทยว่าคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีต้องมีประวัติใสสะอาดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เขาถึงเรียกรัฐธรรมนูญปราบโกง เรามาเขียนเรื่องนี้ไว้ ซึ่งส่วนตัวเคยบอกว่า หากจะคิดแบบนั้นก็ว่ากันไป แต่หลักสำคัญคือควรมีมาตรฐานที่ชัดเจน กฎหมายต้องแน่นอน ต้องไม่เปิดโอกาสให้ตีความกันหลายทาง และ คิดว่า จะต้องไปพูดคุยกัน ถ้ามีโอกาสในการแก้รัฐธรรมนูญก็เอาเรื่องนี้ไปพูดคุย ตนเองไม่ได้หมายความว่าจะลดอันนี้ แต่อยากทำให้ชัดเจนแน่นอน

นอกจากนี้ นายชูศักดิ์ ยังยอมรับว่า คาดหวังกับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ใช่การยื่นแก้ไขรายมาตราแล้ว

- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img