‘วิป3 ฝ่าย’ นัดถกใหม่ 19 มี.ค. เหตุเจรจากรอบเวลาไม่สำเร็จ ‘เท้ง’ ลั่น หากอยากให้เดินหน้าต่อได้ ต้องยอมถอยคนละก้าว เผย ต้องได้ 30 ชม. จึงจะยอมแก้คำในญัตติ เหน็บ หากซักฟอกไม่ได้สมัยนี้ อาจเกิดจากรัฐบาลไม่ยอมให้เวลาที่เพียงพอ
วันที่ 13 มี.ค.68 เวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) 3 ฝ่าย โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะวิปคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายวิสุทธิ์ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ในฐานะประธานฝ่ายค้าน นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคพท. ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะวิปฝ่ายค้าน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเรื่องระยะเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151

ทั้งนี้ก่อนการประชุม นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่จะให้มีการปรับคำเพื่อให้ญัตติสามารถเดินหน้าไปได้ แต่เรื่องกรอบระยะเวลาในการประชุมนั้น อย่างน้อยฝ่ายค้านขอประมาณ 30 ชั่วโมง ส่วนจะอภิปรายกี่วันก็ขึ้นอยู่กับฝั่งรัฐบาลว่าจะชี้แจงทั้งหมดกี่วัน แต่สำหรับพรรคฝ่ายค้านอยากได้ 30 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 17.30 น. ภายหลังประชุมร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายณัฐพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านยังยืนยันว่าจะกลับไปเจรจากับฝ่ายตัวเองก่อน โดยจะกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 19 มีนาคมนี้ ซึ่งประเด็นที่ยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้คือเรื่องกรอบระยะเวลาที่จะใช้ในการอภิปราย โดยจากที่ตนได้ไปหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรและวิปรัฐบาล รวมถึงได้มีการแถลงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเราได้มีการหารือสองเรื่องพร้อมกัน คือพรรคฝ่ายค้านยอมที่จะแก้ไขญัตติตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอมา และเรายืนยันกรอบระยะเวลาคือ 30 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่าเมื่อเจรจากันในวิปสามฝ่ายแล้ว ยังไม่สามารถสรุปเรื่องกรอบระยะเวลาได้

เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องการกี่ชั่วโมง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องตัวเลขระยะเวลาที่รัฐบาลอยากได้นั้นตนยังไม่อยากให้ถาม เพราะจะกระทบกับการเจรจา แต่บอกได้ว่าตัวเลขที่ฝ่ายค้านเสนอไปคือ 30 ชั่วโมง ส่วนทางรัฐบาลและครม.จะขอเท่าไหร่เรายินดี แล้วจึงค่อยมาคำนวณว่าจะอภิปราย ซึ่งเราขอยึดที่ตัวเนื้อหาคือกรอบชั่วโมงก่อน ทั้งนี้ หากเดินตามกรอบไปได้ วันนี้เราคงได้ข้อสรุป แต่ปรากฏว่ากรอบชั่วโมงที่เราให้ไป ทางฝั่งรัฐบาลไม่เห็นด้วย จึงทำให้การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการปรับคำในญัตติบ้างหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าเรื่องตัวญัตติเองตนยังไม่ได้ทำหนังสือส่งถึงประธานสภาฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งตนได้รักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประธานสภาฯ หากเจรจากับทางวิปร่วมในเรื่องกรอบระยะเวลาได้สำเร็จ เราก็พร้อมที่จะปรับคำในญัตติเพื่อให้สามารถเดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตามกรอบระยะเวลาที่เราได้ตกลงกันไว้ แต่เนื่องจากวันนี้ เรายังไม่สามารถเจรจาเรื่องกรอบระยะเวลากันได้ ฉะนั้น เรื่องการปรับคำในญัตติ ตนก็ยังไม่สามารถที่จะยื่นต่อประธานสภาฯ ได้
เมื่อถามว่า รัฐบาลได้มีการแนะนำหรือไม่ว่าอยากให้ปรับคำในญัตติไปในทิศทางใด นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ชัดเจนว่าอย่างไรก็ตามต้องนำชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติ ส่วนจะปรับเป็นคำอื่นอย่างไรนั้น ตนขอให้รอดูข้อสรุปอีกครั้ง เนื่องจากจะปรับเป็นคำใดหรือเรื่องกรอบระยะเวลาในการที่จะอภิปรายนั้นย่อมส่งผลถึงการเจรจา
เมื่อถามว่า มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นในเดือนนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในมุมของตน คิดว่ายังทันภายในเดือนนี้ เนื่องจากขณะนี้ญัตติสมบูรณ์เสร็จแล้วทุกอย่าง รอแค่การปรับคำ ก็พร้อมที่จะบรรจุได้ แต่ยังติดอยู่รอบเดียวคือเรื่องของกรอบระยะเวลา ซึ่งเราจะปิดสมัยประชุมวันที่ 10 เมษายน ฉะนั้น ก็ยังเหลือเวลาในการที่จะเจรจาอยู่ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าหากไม่ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ก็อาจจะเป็นต้นเดือนเมษายน
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเสนอให้อภิปรายสองวัน และลงมติอีกหนึ่งวัน จะสามารถทำได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยังหารือกันอยู่ คิดว่าในส่วนนี้ต้องหาจุดตรงกลางร่วมกัน เมื่อสักครู่มีการเจรจาพูดคุยกันในห้องหลายรูปแบบ แต่หากดูตามบรรทัดฐานของสภาในอดีต ตนคิดว่าเนื้อหาสำคัญที่สุด และหากดูจากสิ่งที่ฝ่ายค้านเตรียมมาหลายเดือน ตนยืนยันว่าระยะเวลา 30 ชั่วโมงที่เราเสนอไปนั้น ไม่ใช่ระยะเวลาที่มากเกินไป เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะก่อนหน้านี้เราได้เสนอไป 5 วัน นี่เป็นสิ่งที่เราถอยกันเยอะแล้ว
ส่วนจะเป็นเส้นตายสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนมองว่าหากอยากให้เดินต่อไปได้ต้องยอมถอยคนละก้าว ซึ่งฝ่ายค้านยอมถอยมาแล้วเรื่องระยะเวลา 5 วัน แต่ละหลักการเนื้อหาเรายังยืนยันตามเดิม จึงอยากให้รัฐบาลกลับไปคุยกันในแต่ละพรรคก่อนเพื่อจะกลับมาหาข้อสรุปในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่า เห็นตรงกันใช่หรือไม่ที่ควรจะมีการอภิปรายในสมัยนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าพรรคฝ่ายค้านอยากอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยนี้ แต่ตอนนี้ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ เนื่องจากยังไม่สามารถเจรจาลงตัวเรื่องกรอบระยะเวลากับพรรคร่วมรัฐบาลได้
“จึงขอสื่อสารตรงๆ ว่าหากไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในสมัยประชุมนี้ ก็อาจจะเกิดจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมให้ระยะเวลาที่เพียงพอกับฝ่ายค้าน” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายเพื่อหากรอบเวลาวันอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ว่า ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่เป็นข้อตกลงให้ทุกคนไปหารือพูดคุยกันในพรรคของตัวเองมาก่อน ว่าจะอภิปราย กี่ชั่วโมงถึงจะเหมาะสม โดยไม่ต้องมาตั้งป้อมใส่กัน เพื่อหาทางให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อทุกคนกลับไปคิดแล้วก็ให้มาบอก โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันพุธที่ 19 มี.ค. เวลา 9:30 น.
เมื่อถามว่าฝ่ายรัฐบาลต้องการให้อภิปรายกี่ชั่วโมง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ให้ทุกคนกลับไปคิดทบทวนก่อน ถ้าทุกคนบอกว่าต้องได้เท่านั้นเท่านี้ก็เจรจา ถ้าไม่สำเร็จควรต้องลดราวาศอกกัน ถอยคนละก้าว แล้วค่อยมาว่ากัน ถ้าลดไม่ได้ก็ไม่ยอมกัน และการประชุมวันนี้ก็ไม่ได้มีการทะเลาะกัน
เมื่อถามว่าเรื่องการแก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นคำอะไร นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านบอกว่าได้เอาชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกหมดแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าแก้เป็นคำอะไร ซึ่งเมื่อเขาบอกว่าเอาออกหมดแล้วเราก็เชื่อถือเขา
“วันนี้มันไวไปเพราะทุกคนถือธงมา เพื่อที่จะตกลงกันก็ไม่ได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดา ที่เขาต้องยืนกราน 30 ชั่วโมง จึงต้องให้กลับไปคิดทบทวนใหม่ให้มีสติใจเย็นๆก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกัน” นายวิสุทธิ์กล่าว