“ซูเปอร์โพล” ชี้ความนิยม “ลุงตู่” ยังมาแรงอันดับหนึ่ง ตามติดด้วย “เจ๊หน่อย” เผยปชช.ต้องการผู้นำที่เด็ดขาด สั่งการ ควบคุมแก้ปัญหาวิกฤตชาติได้ ไม่ใช่พวกมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ มุ่งแต่ตำหนิคนทำงาน
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.64 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ความนิยม ผู้นำรัฐบาลกับประชาธิปไตย” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,400 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-12 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 55.4 มีระดับความวางใจในระบอบประชาธิปไตยว่า ช่วยลดความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 28.4 วางใจปานกลางและร้อยละ 16.2 วางใจค่อนข้างน้อยถึงไม่วางใจเลย
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.4 ระบุผู้นำที่เด็ดขาด สั่งการและควบคุมแก้ปัญหาชาติและประชาชนมีประโยชน์ ช่วยได้ ในขณะที่ร้อยละ 6.6 ระบุไม่มีประโยชน์ ช่วยไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.5 ระบุสิ่งที่เห็นและเป็นไปในประชาธิปไตยบ้านเราคือ ในการแก้ปัญหาวิกฤตชาติ มีคนมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ คอยแต่ตำหนิคนทำงาน ในขณะที่ร้อยละ 95.9 ระบุ ประชาชนผู้มีรายได้น้อยยังมีสิทธิเข้าถึงความจำเป็นพื้นฐาน เช่น สวัสดิการแห่งรัฐ และร้อยละ 95.8 ระบุ รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้จากสื่อมวลชน นักการเมืองและประชาชนทั่วไป เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.4 ระบุประเทศไทยวันนี้มีความเป็นประชาธิปไตย ในขณะที่ร้อยละ 10.6 ระบุไม่มี อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงอีก 20 ปีข้างหน้า พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.0 ระบุประเทศไทยจะยังคงมีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ ในขณะที่ร้อยละ 4.0 มองว่าจะไม่มี
เมื่อถามถึงความนิยมต่อนักการเมืองบุคคลสำคัญต่าง ๆ ถ้าวันนี้เลือกได้จะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 30.8 ระบุ เลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาคือ ร้อยละ 14.9 ระบุคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อันดับสามหรือร้อยละ 5.3 ระบุนายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 4.8 ระบุนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 3.1 เช่นกันระบุนายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ ร้อยละ 2.1 ระบุพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในขณะที่ร้อยละ 13.4 ระบุคนอื่น ๆ และร้อยละ 25.6 ระบุไม่ทราบ ไม่มี
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่ต้องการได้ผู้นำประเทศที่เด็ดขาด สั่งการและควบคุมแก้ปัญหาวิกฤตชาติและประชาชน โดยเชื่อว่าเป็นประโยชน์ช่วยลดความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนได้ดี แต่ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 และเศรษฐกิจขณะนี้ สิ่งที่ประชาชนเห็นและเป็นไปคือกลุ่มคนจำนวนมากที่เอาแต่ตำหนิคนทำงาน มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ทั้ง ๆ ที่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยก็มีสิทธิได้รับสิทธิเข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐ และรัฐบาลก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ ประชาชนทั่วไปก็สามารถเข้าร่วมกลุ่มต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นและจุดยืนที่แตกต่างไปจากรัฐบาลได้