ศิริกัญญา ตอก “แพทองธาร” แก้เศรษฐกิจล้มเหลว ผิดหวังทำคนไทย คิดถึงลุงตู่ ด้าน “พิชัย” แจงทันที มั่นใจทำจีพีดีถึงเป้า พร้อมเผยโครงการซื้อหนี้ประชาชน เน้นรายเล็กให้โอกาสได้กู้ใหม่
วันที่ 25 มี.ค.68 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อมาเวลา 14.00 น. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่รัฐบาลของน.ส.แพทองธาร บริหารประเทศย่ำแย่ แต่ความผิดที่ให้อภัยไม่ได้ในการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด ล้มเหลว เพราะทำให้คนร้องหาและคิดถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ แบบนี้เรียกว่าเสียของที่ประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งที่ฉันทามติอยากได้รัฐบาลประชาธิปไตย
ดังนั้นให้อภัยไม่ได้ทำให้คนลืมภาพร้ายของรัฐประหาร และมีความคิดว่าสมัยพล.อ.ประยุทธ์ยังดีกว่านี้ ขณะนี้ประชาชนเผชิญกับภาวะค่าครองชีพสูง สินค้าขึ้นราคา ค่าไฟฟ้าที่ราคาสูงส่วนที่บอกว่าจะลดราคาไฟฟ้าเป็นแค่ราคาคุยเท่านั้น ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรมีราคาตกต่ำ รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำ รายได้แรงงานไม่เติบโต ส่วนที่บอกว่าจะขึ้นค่าแรง 400 บาท ปี2567 ไม่สามารถทำได้จริง ทั้งที่มีอำนาจเต็มมือ ถือเป็นการโกหก หลอกลวงเพื่อหวังคะแนนเสียง

“เมื่อเป็นนายกฯ พบว่ามีบริษัทปิดกิจการ 11% และมีที่เปิดใหม่ 4% ทำให้มีคนงานตกงานจำนวนมาก ขณะที่เอสเอ็มอีจมกองหนี้ ส่วนตลาดทุนมีสภาพตกต่ำ เป็นเพราะการบริหารที่ไม่ได้เรื่อง ทั้งนี้เดือนมี.ค.2568 ตั้งเป้าให้จีดีพีโต 3.5% ขณะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงใช้มาตรการเดิม ทำให้เป็นคำถามว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร หากยังบริหารผิดพลาดซ้ำซาก ซึ่งไม่เห็นแผนภาพรวมของรัฐบาลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีแต่การขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้น” น.ส.ศิริกัญญา อภิปราย
ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ชี้แจงต่อว่า ดูเหมือนทุกอย่างแย่ คนไม่อาจคาดหวัง สรุปแบบนั้นไม่ได้ต้องมีความหวังแม้จะยากลำบาก ตนเห็นด้วยที่เศรฐกิจไม่ดีมายาวนาน เพราะเติบโตแค่ 1.9% มานาน อย่างไรก็ดีการตั้งตัวเลขจีดีพีไว้ 3% เพราะคาดหวัง และเชื่อว่าจะเติบโตแม้จะช้า โดย 6 เดือนที่ผ่านมา เราโต 3.1% ทำให้ต้องผลักดันไปให้ถึง
“การส่งออก ในสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ส่งออกจำนวนมากกว่าบริโภคในประเทศ ซึ่งการส่งออกข้าวบางพันธุ์เสมอกับต้นทุน ไม่มีกำไร ขณะนี้การผลิต 17 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 11 ล้านตัน และส่งออก 6 ล้านตัน สิ่งที่ต้องทำคือ ลดการผลิตให้น้อยลง โดยใช้พื้นที่เพาะปลูกทำอย่างอื่น เช่น 14 ล้านไร่เพื่อปลูก อีก 12 ล้านไร่ต้องลดพื้นที่ปลูกข้าว ดีที่สุดคือสิ่งที่นำเข้าต้องผลิตเอง โดยดูต้นทุนการนำเข้า เช่น ข้าวโพด หากทำให้ดี จะได้ไร่ละ 15,000-16,000 บาท ซึ่งเป็นโครงกา 3-5 ปีที่ต้องดูแลให้หยุดปลูก” นายพิชัย ชี้แจง

นายพิชัย ชี้แจงด้วยว่า การลงทุนอุตสาหกรรม นับ 10 ล้านล้านบาท ในปีเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาว่าโครงสร้างเก่า เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีนโยบายรักษาแพลตฟอร์มเดิมและปรับเป็นไฮบริดจ์ ในรถกะบะเพื่อการขนส่ง นอกจากนั้นเรื่องการแก้ปัญหาค่าไฟแพงจำเป็นต้องปรับโครงสร้าง ส่วนการกระตุ้นเศรฐกิจด้วยการท่องเที่ยวยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ต้องหาทางให้นักท่องเที่ยวอยู่ให้นานขึ้น ทั้งนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวใปนประเทศไทยอยู่ที่ 35.5 ล้านคน ซึ่งพบว่ามีจำนวน3 ล้านคนเข้ามาเพื่อสาธารณสุข
นายพิชัย อภิปรายต่อว่าว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนไม่อยากเรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ต้องเติมเม็ดเงินเข้าไปในระบบ วันนี้หนี้ถึงระดับที่ทุกคนรับไม่ไหว การสเตเบิลคอยน์ต้องใช้ระวัง ทั้งนี้ตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังไม่สามารถพิมพ์เงินใหม่เพื่อแข่งกับธปท. ได้ แต่ท่ีต้องทำเพื่อให้มีสภาพคล่อง และเข้าถึงรายย่อยมากขึ้น ซึ่งจะเป็นจีโทเคน ไม่ใช่เงินใหม่ ซึ่งใครมีสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนได้ หากเป็นแบบนี้ใครที่เงินฝาก 20,000 บาทสามารถซื้อธนบัตรรัฐบาลได้ ทั้งนี้ธปท.ยังไม่เห็นด้วย
นายพิชัย ชี้แจงด้วยว่า สำหรับการแก้หนี้ ปกติขั้นตอนทั่วไปต้องขอยืดหนี้ให้น้อยลง ยาวขึ้น ซึ่งทำได้เฉพาะคนที่มีกำลัง ทั้งนี้เป็นข้อเท็จจริงของการแก้หนี้ให้คนที่มีหนี้ไม่เยอะ เงินที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้ ใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง สำหรับหนี้ที่มี 13.6ล้านล้านบาท ไม่คิดว่าซื้อหนี้ทั้งระบบ เพราะไม่มีปัญญา ทั้งนี้ในจำนวนดังกล่าวมีหนี้ที่ไม่เสียปนอยู่ จำนวน 6 ล้านล้านบาท แต่จะเลือกซื้อหนี้เสียแล้ว แต่จะไม่เลือกกลุ่มที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้เจรจากัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ขนาดใหญ่ มีหลักทรัยพ์ค้ำประกัน เราจะเลือกลูกหนี้ที่ไม่มีปัญญา ไม่มีหลักทรัพย์ กู้มากินและตามตัวไม่ได้
“หนี้ที่มีปัญหา คือ 3 ล้านคน มีหนี้ติดอยู่ 1.2แสนล้านบาท ด้วยเงินนิดเดียวทำให้คนมีความทุกข์ ซึ่งจะทำให้หาทางละเว้นเอ็นซีบี เฉพาะกลุ่มมีรหัสพิเศษ หากหลุดพ้นต้องหาทางกู้ใหม่ คือการให้โอกาส ส่วนจะได้กู้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ วันนี้ให้ธนาคารออมสินนำร่องโดยใช้เงิน 4,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยน้อยพบว่า เปิดได้ 3 วัน มีเข้ามา 4.5 แสนบัญชี หากควบคุมได้กำกับดีจะช่วยแก้ปัญหาตัวเล็กๆ ได้” นายพิชัย ชี้แจง