“ทวี” ไม่กังวล ศาลรธน.รับวินิจฉัยฝ่าฝืนจริยธรรม แทรกแซงรับคดีฮั้วเลือกสว.ติง”มงคล”ไม่ควรเซ็นคำร้อง เหตุมีชื่อในโพย เผยทำหนังสือขอชื่อผู้ร้องทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ ก่อนทำคำชี้แจงส่งศาล ชี้หลายข้อกล่าวหาคลาดเคลื่อนเหมือนวินิจฉัยแทน
วันที่ 28 มี.ค.2568 เวลา 09.00 น.ที่รัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 0 รับคำร้องของประธานวุฒิสภา และสว.รวม 92 คน ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และของพ.ต.อ.ทวี เหตุไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ว่า ไม่มีความกังวล กระบวนการที่ส่งไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่ชอบ ศาลฯจึงมีมติ 8 ต่อ 0 รับคำร้อง ถ้าไม่รับไม่ได้ เราต้องเคารพในศาลรัฐธรรมนูญ แต่เรามั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ และทำตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่ทำให้คณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.)ถูกฟ้อง และศาลฎีกาเคยบอกไว้ว่า กคพ. เป็นคณะกรรมการโดยกฎหมาย ความเห็นที่ออกมาจึงไม่สามารถนำฟ้องร้องทางแพ่งได้ แต่กรณีนี้เป็นการร้องด้านจริยธรรม
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาตนเพิ่งได้รับหนังสือจากศาลรัฐธรรมนูญ พบว่าผู้เซ็นคำร้องเป็นประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นหนึ่งในรายชื่ออยู่ในโพยฮั้ว โดยปกติการฟ้องร้องคดีหากเป็นผู้ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนควรจะให้ผู้อื่นเซ็น อย่างไรก็ตามฝ่ายกฎหมายได้ทำหนังสือขอรายชื่อ สว.ที่เป็นผู้ร้องทั้งหมด เพราะในคำร้องมีแต่รายเซ็น ไม่มีชื่อ เพื่อนำไปตรวจสอบว่าสว.ทั้ง 92 คน เป็นคนที่อยู่ในโพยฮั้วเลือก สว. หรือไม่ เพื่อจัดทำคำชี้แจงภายใน 15 วัน แต่ถ้าเอกสารบางอย่างยังไม่ได้ก็ต้องขอขยายเวลาเพิ่ม
“คำร้องของสว.มีหลายประเด็นคาดเคลื่อน แต่ถ้าจะบอกพูดเท็จก็แรงไป เช่น อ้างว่าผมเคยอยู่พรรคเพื่อไทยมาก่อน เหมือนพยายามจับโยงเพื่อทำให้เข้าใจคาดเคลื่อน”
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่าการกล่าวหาว่าเป็นการใช้อำนาจแทรกแซกฝ่ายนิติบัญญัติน่าจะเข้าใจผิด เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้เข้าไปช่วยเหลือในคดีฮั้วเลือกสว. ซึ่งเรามีหนังสืออยู่ในมือแล้ว ส่วนจะใช้เป็นข้อต่อสู้ด้วยหรือไม่ขอดูก่อน และในคำร้องหลายประเด็นมีการไปวินิจฉัยแทนศาลรัฐธรรมนูญในหลายเรื่อง ดังนั้นจึงอยากเห็นข้อเท็จจริงก่อนทำคำชี้แจง อย่างไรก็ตามส่วนตัวเคารพศาล แต่ก็มีหน้าที่ในการทำคำชี้แจงข้อเท็จจริงให้ศาลวินิจฉัย