อาจารย์เจษฎา ฟาดไม่ยั้ง! กรมสรรพสามิตขึ้นภาษีน้ำมัน อ้างกลบหลุม EV ไม่เข้าเป้า ชาวบ้านน้ำตาร่วง ราคาน้ำมันโลกต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ เมื่อ รศ. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความไม่พอใจต่อกรณีที่กรมสรรพสามิตประกาศปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิด โดยระบุข้อความว่า “ห่ะ ! กรมสรรพสามิตบอก ต้องขึ้นภาษีน้ำมัน เพราะเก็บภาษีสรรพสามิตรถ EV ไม่ได้ตามเป้า ? แล้วทำไมมาลงเอากับคนใช้รถสัปดาปล่ะ ?
(ข่าว) ซ้ำเติมประชาชน! คนไทยอ่วมอีก สรรพสามิตขึ้นภาษีน้ำมัน 1 บาท สวนทางราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งเหว ทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี
วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 – สถานการณ์ค่าครองชีพที่ตึงตัวอยู่แล้วของประชาชนชาวไทย กลับต้องเผชิญกับข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อกรมสรรพสามิตประกาศปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิด โดยมีผลบังคับใช้ทันทีตามประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความไม่พอใจและเกิดคำถามในวงกว้าง เนื่องจากเกิดขึ้นในขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
(ข่าว) ซ้ำเติมประชาชน! คนไทยอ่วมอีก สรรพสามิตขึ้นภาษีน้ำมัน 1 บาท สวนทางราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งเหว ทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี
น.ส.กุลยา ตันติเตมิต อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุผลของการปรับขึ้นภาษีในวันนี้ โดยชี้แจงว่า มาตรการนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อช่วยให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น หลังจากที่การจัดเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ การปรับขึ้นภาษีน้ำมันสูงสุดลิตรละ 1 บาท จะช่วยให้กรมสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,900 ล้านบาทต่อเดือน
การเคลื่อนไหวของอาจารย์เจษฎาเกิดขึ้นหลังจากที่มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ว่า กรมสรรพสามิตได้ประกาศปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิด โดยมีผลบังคับใช้ทันทีตามประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในวงกว้าง เนื่องจากเกิดขึ้นในขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 4 ปี
น.ส.กุลยา ตันติเตมิต อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ออกมาเปิดเผยถึงเหตุผลของการปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้ว่า มีจุดประสงค์หลักเพื่อช่วยให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น หลังจากที่การจัดเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยการปรับขึ้นภาษีน้ำมันสูงสุดลิตรละ 1 บาท จะช่วยให้กรมสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,900 ล้านบาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม เหตุผลดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับของหลายฝ่าย โดยเฉพาะผู้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มองว่าเป็นการผลักภาระให้กับประชาชนโดยไม่สมเหตุสมผล ในขณะที่ราคาน้ำมันโลกกำลังปรับตัวลดลง การตัดสินใจขึ้นภาษีน้ำมันจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการซ้ำเติมภาวะค่าครองชีพที่ตึงตัวอยู่แล้วของประชาชน