กกต.เผยส่งอุปกรณ์ เตรียมพร้อมจัดเลือกตั้งเทศบาล 11 พ.ค.นี้ กำชับระวังพายุ จับตาพิเศษเชียงใหม่ –โคราช-พัทยา พื้นที่การเมืองดุ ตั้งด่านตรวจตราแล้ว เผยมีเรื่องร้องเรียนแล้ว 338 เรื่อง ตั้งเป้าคนใช้สิทธิ์ 70% เตือน 6 ข้อต้องระวัง ชี้โทษสูงทั้งจำ ทั้งปรับ ถอนสิทธิ์ลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์ รองเลขาฯ กกต. แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากทั้ง 76 จังหวัด ว่าได้รับมอบอุปกรณ์ หีบบัตร บัตรเลือกตั้ง มีการจัดเก็บและเตรียมความพร้อมของสถานที่จัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ค.นี้โดยมีเทศบาลที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งทั้งหมด 2,463 แห่ง แบ่งเป็นเทศบาลนคร 33 แห่ง เทศบาลเมือง 213 แห่ง และเทศบาลตำบล 2,217 แห่ง ส่วนจำนวนนายกเทศมนตรี ทั้งหมด 2,128 แห่ง พบว่ามีผู้สมัครทั้งหมด 4,558 คน และสมาชิกสภาเทศบาล 2,462 แห่ง รวมส่วนนี้ต้องเลือกให้ได้ 31,218 คน จากจำนวนผู้สมัคร 60,515 คน ส่วนหน่วยที่มีการเลือกตั้งเฉพาะนายกเทศมนตรีอย่างเดียว เนื่องจากสมาชิกสภาเทศบาลมีการเลือกตั้งแล้วด้วยเหตุยุบสภา มี 1 แห่ง คือ เทศบาลตำบลน้ำยืน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ขณะที่การจัดเลือกตั้งเฉพาะสมาชิกสภาเทศบาลอย่างเดียวมี 335 แห่ง ทั้งนี้ ทางกกต.ได้ตั้งเป้าจะมีผู้มาใช้สิทธิกว่า 70% จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วซึ่งมีผู้มาใช้สิทธ์อยู่ที่ 60%
รองเลาธิการ กกต. กล่าวว่า ทั้งนี้มีข้อควรระวังของผู้สมัครที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือ 1. ห้ามหาเสียงในวันก่อนวันเลือกตั้งและวันเลือกระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค. 2568 ถึง 24.00 น.วันที่ 11พ.ค. 2568 ไม่ว่าจะเป็นรถแห่ การโพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดีย แอพพลิเคชั่นไลน์ หรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ฝ่าฝืนโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. ห้ามขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวผู้มีสิทธิไม่ให้ไปใช้สิทธิ ฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
3. ห้ามนายจ้างหรือผู้บังคับบัญชาขัดขวางลูกจ้างหรือผู้ใต้บังคับบัญชาไปใช้สิทธิ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4.ห้ามขายหรือแจกจ่ายสุราในเวลาเลือกตั้ง ระหว่างเวลา 18.00 น. วันที่ 10 พ.ค. 2568 ถึงเวลา 18.00 น. วันที่ 11 พ.ค. 2568 ในทุกจังหวัด ยกเว้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่อบต.เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ที่มีการจัดการเลือกตั้ง ทั้งนี้หากฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10.000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5.ห้ามผู้สมัครจัดยานพาหนะนำหรือส่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป-กลับหน่วยเลือกตั้ง โดยไม่คิดค่าโดยสาร เพราะจะถือว่าเป็นการให้หรือจูงใจให้ลงคะแนน ยกเว้นกรณีหน่วยงานราชการจัดอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ หรือได้รับการร้องขอ หากฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี ปรับ 20,000- 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี และ 6. ห้ามเล่นหรือจัดให้มีการพนันเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนให้ ฝ่าฝืนมีโทษ จำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี หากเป็นผู้สมัคร โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
พ.ต.ท.ระพีพงษ์ กล่าวว่า สำหรับรายงานเรื่องร้องเรียนนับตั้งแต่วันที่มีการประกาศให้จัดการเลือกตั้งจนถึงวันที่ 9 พ.ค.2568 มีรายงานเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งหมดจำนวน 338 เรื่อง แบ่งเป็นคำร้องเรียน 335 เรื่อง และความปรากฏอีก 3 ขณะนี้พิจารณาแล้วเสร็จไปแล้ว 7 เรื่อง ที่เหลือยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของทางจังหวัด ส่วนรายละเอียดของเรื่องที่ร้องเรียนนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการจำแนกจากฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนเข้ามาว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่ก็มีเรื่องร้องเรียนการซื้อสิทธิ์ ขายเสียงอยู่ในนั้นด้วย
เมื่อถามถึงพื้นที่ที่ต้องมีการจับตาเป็นพิเศษ พ.ต.ท.ระพีพงษ์ กล่าวว่า พื้นที่ที่เราจับตาเป็นพิเศษก็คือพื้นที่ทีมีการแข่งขันทางการเมืองสูง เทศบาลนครใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา พัทยา ได้มีการตั้งด่านตรวจสอบตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 9 พ.ค.แล้ว นอกจากนี้ยังได้ให้ทุหน่วยเตรียมความพร้อมสถานที่รองรับเหตุที่อาจจะทำให้ไม่สามารถจัดลงคะแนนเลือกตั้งได้ เพราะตอนนี้เข้าใจว่าหลายพื้นที่มีฝนตก พายุเข้า.