“กูรูไพศาล” ให้จับตาการไต่สวนการแปรญัตติงบฯ 68 อาจส่งผลสะเทือนถึง “รัฐบาลอิ๊งค์” หากผลของศาลรธน.วินิจฉัยให้ “ถอดถอนครม.ทั้งคณะ” เชื่อมี “ปรับครม.” เร็ววันนี้ เพื่อตั้ง “รองนายกฯหน้าใหม่” ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแปรญัตติงบฯมาแต่งตัว รอเป็น “รักษาการนายกฯ” แทนที่ “อนุทิน”
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย แสดงความเห็นทางการเมืองว่า สถานการณ์หลังปิดฉากรัฐบาลแพทองธารในเดือนกรกฎาคม จะเกิดอะไรขึ้น ?
ในบรรดาเรื่องราวที่รัฐบาลถูกร้องเรียนนั้น ขณะนี้ต้องถือว่า เรื่องที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ร้องต่อป.ป.ช. ให้ตรวจสอบไต่สวนเรื่องการแปรญัตติงบประมาณ 2568 จะส่งผลสะเทือนมากที่สุด และเป็นเรื่องที่จะทำให้รัฐบาลนี้ต้องปิดฉากลงภายในเดือนกรกฎาคม 2568
โดยคณะรัฐมนตรีจะพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และรักษาการไม่ได้
ยกเว้นรองนายกฯอนุทิน (ชาญวีรกูล) คนเดียว เพราะไม่ได้เข้าประชุมลงมติด้วย
ดังนั้น รองนายกฯอนุทินเมื่อรักษาการนายกฯแล้ว จึงสามารถนำความขึ้นกราบบังคมทูลโปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรีรักษาการได้ทั้งคณะ
อำนาจรัฐทั้งหมดก็จะตกไปอยู่ที่พรรคภูมิใจไทยทันที ซึ่งสภาพเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยคงยอมไม่ได้
ดังนั้นจึงฟันธงได้ว่า รัฐบาลจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยจะมีรองนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่อีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแปรญัตติงบประมาณตามที่ถูกร้องเรียน และจะได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ถ้านายกรัฐมนตรีไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ดังนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ก็จะเหลือรองนายกรัฐมนตรี 2 คน จากพรรคเพื่อไทย 1 คนและ รองนายกฯอนุทินอีก 1 คน
แต่เนื่องจากรองนายกฯจากพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนนายกฯ จึงเป็นผู้มีอำนาจ นำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรีรักษาการทั้งคณะต่อไป อำนาจรัฐก็จะอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับตำแหน่ง
สำหรับกรณีดังกล่าว กลุ่มภาคประชาชน นำโดย นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์, นายสมชาย แสวงการ อดีตสว., นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” นักเคลื่อนไหว และร.ศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ที่บัญญัติไว้ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 หลังครม.มีมติตัดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา 28 และต้องชดใช้ดอกเบี้ยพร้อมเงินกู้ ทั้งที่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว โดยขอให้ป.ป.ช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในยุค “เศรษฐา ทวีสิน” และ “แพทองธาร ชินวัตร” รวมไปถึง สส.-สว.ชุดปัจจุบัน ที่กระทำผิดไปปรับงบประมาณ 68 ส่วนใช้หนี้มาแจกเงินหมื่น พร้อมให้ชดใช้เงินใน 20 ปี