“ประธานกมธ.ป.ป.ช.” เผยผลประชุมคดีฮั้ว สว. “กกต.” แจงคดีคืบมากกว่า 50% ต้องรอบคอบ หวั่นทำแบบสุกเอาเผากิน อาจไม่มีที่อยู่ต้องถูกดำเนินคดี ด้าน สว.สำรองขอให้ กกต.ตั้งโฆษกสื่อสารความคืบหน้า ขณะที่ “รองเลขา กกต.” ยัน ไม่ล่าช้าเร่งดำเนินการอยู่ ปัดตอบกระบวนการไต่สวน โยนถาม “ปธ.กกต.-เลขา กกต.เอง
วันที่ 15 พ.ค.2568 เวลา 12.30 น.ที่รัฐสภา นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวภายหลังประชุมเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการฮั้วตั้งสว. โดยได้เชิญผู้ร้องเรียน ตัวแทน กกต. และสว.สำรองผู้ร้องมาให้ข้อมูล ว่า หลังจากประชุม 3 ชั่วโมงเศษได้ข้อสรุปในเบื้องต้นถึงกรณีที่ มีความล่าช้าในการพิจารณาตรวจสอบคดีฮั้วเลือกสว. ซึ่งร.ต.อ. ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกกต ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของ กกต. ซึ่งเป็นคณะที่ร่วมงานกับดีเอสไอในการตรวจสอบคดีฮั้ว สว. ชี้แจงว่าเหตุที่ล่าช้าในการดำเนินคดีฮั้วสว. เพราะต้องใช้กระบวนการหลายกระบวนการ มีหลายคณะ แต่ขณะนี้ก็ถือว่าคดีคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งเดิมที่เคยมีกรอบเวลาวินิจฉัยภายใน 1 ปีนั้น ตามกฎหมายใหม่ ไม่ได้มีกำหนดเวลาแต่ยืนยันว่า ใช้เวลาอีกไม่นาน โดย
นายฉลาด กล่าวต่อว่า กกต.แจงว่าขณะนี้มีความคืบหน้าไปเกิน 50% แต่ยืนยันว่าจะต้องทำด้วยความรอบคอบ หากทำแบบสุกเอาเผากิน กกต.คงไม่มีที่อยู่ อาจถูกดำเนินคดีในภายหลังได้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรอบคอบ บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจึงต้องขอเวลา ซึ่งกมธ.ฯจะได้ติดตามความคืบหน้าต่อไป และตนขอย้ำว่าหากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็ส่งให้มาให้กมธ.ฯได้ เพื่อส่งต่อไปให้ดีเอสไอ และกกต ดำเนินการต่อ และยืนยันว่าในการประชุมวันนี้ไม่มีเรื่องการเมือง เราประชุมด้วยการทำหน้าที่เป็นกลาง เพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ร้องก็มีความพอใจในระดับหนึ่ง
“มีข้อมูลส่วนหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในการสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งผมก็ได้ให้ตรวจสอบว่าข้อมูลจะตรงกันหรือไม่ และหากดีเอสไอ หรือ กกต. ไม่มี ก็จะส่งให้เพิ่มเติม ทราบว่าข้อมูลซ้ำกัน แต่ก็ได้เปิดทางกับผู้ร้องว่า ถ้ามีข้อมูลพิเศษเพิ่มเติมก็ส่งมาที่กมธ.ฯได้ ผมจะส่งต่อให้ เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ และจะเร่งรัดตามกระบวนการที่มีอำนาจ และขอสื่อมวลชนช่วยกันติดตาม เชื่อว่าหนังเรื่องนี้ไม่ยาว ใกล้จะจบแล้ว แต่จะจบอย่างไร ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ซึ่งกกต ก็ย้ำว่าต้องมีที่อยู่ หากไม่รอบคอบก็จะถูกดำเนินคดี”นายฉลาด กล่าว
นายฉลาด กล่าวด้วยว่า วันนี้มีกมธ.ฯที่มีชื่อถูกพาดพิงมาด้วย ซึ่งคนที่มาชี้แจงก็มาจากจังหวัดอำนาจเจริญ ตนจึงให้พูดในหลักการ ส่วนรายละเอียดที่มีเรื่องหลักฐานโทรศัพท์ มีการอัดเทปนั้น อยู่ในสำนวน ของดีเอสไอแล้ว แต่เราไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ เป็นความลับในสำนวนที่ ดีเอสไอ ต้องดำเนินการต่อไป ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรระหว่าง นางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย กับผู้ที่ให้การพาดพิงถึง ก็อยู่ในสำนวนแล้ว ซึ่งตนก็พยายามให้คุยกันด้วยเหตุด้วยผล
ด้านพล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผู้ช่วย ผบ.ตร.)ในฐานะผู้สมัคร สว. และ สว.สำรอง กล่าวภายหลังการชี้แจงต่อที่ประชุม กมธ.ฯ ว่า ตนขอขอบคุณ กมธ.ฯ ที่ทำให้ผู้ร้อง และ กกต.ได้มาพบกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะที่ผ่านมา ตนพยายามขอพบผู้บริหาร กกต.หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีโอกาส ทำให้ในวันนี้ (15 พ.ค.) ได้มีการสื่อสารกัน และได้รับความกระจ่างในระดับหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการต่าง ๆ เกิดความล่าช้า กกต.ก็ได้อธิบาย แต่ ร.ต.อ.ชนินทร์ก็รับปากจะดำเนินการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว แต่กระบวนการตรวจสอบตามกฎหมาย ไม่ได้ระบุกรอบเวลาการสืบสวน พวกตนก็กังวล จึงได้ขอให้ กกต.ตั้งโฆษก หรือสื่อสารความคืบหน้า เพื่อให้สังคมรับทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายฉลาด ได้หันไปจับมือกับกลุ่ม สว.สำรอง พร้อมกับบอกว่า สว.สำรอง จะได้นอนหลับแล้ว พร้อมกับหัวเราะ
ด้านร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของ กกต. ซึ่งเป็นคณะที่ร่วมงานกับเอสเอสไอในการตรวจสอบคดีฮั้ว สว. กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงต่อ คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การปราบปรามการประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ถึงกระบวนการไต่สวนสอบสวน หลังจากที่ สว. เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ว่า รอให้มีการรับทราบข้อกล่าวหาก่อน ยืนยันว่ากระบวนการไต่สวนในเรื่องนี้ไม่ได้ล่าช้า เมื่อถามว่า กระบวนการสอบสวนไต่สวนในเรื่องนี้ จะเสร็จสิ้นภายในปี 2568 หรือไม่ เนื่องจากตามกฏหมายไม่มีกรอบเวลา ร.ต.อ. ชนินทร์ กล่าวว่า ขอให้ไปสอบถามต่อประธาน กกต. และเลขาธิการ กกต. ก่อนกล่าวทิ้งท้าย