“สว.อังคณา” งง “ปปส.” เชิญ “ทักษิณ” ปาฐกถา ปราบยาเสพติด ทั้งที่ยุคนั้นมีอุ้มหาย คดียาเสพติดกว่า 3,000 คน แต่จนท.ไม่ได้รับโทษ แนะไปอ่านรายงาน คตง.
วันที่ 27 พ.ค.2568 เวลา 09.40 น. ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงการกล่าว ปาฐกถา ที่พิเศษที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.)ของนายทักษิณในวันนี้ ว่า รู้สึกงงมาก จากการให้สัมภาษณ์ของเลขาธิการ ปปส. โดยอ้างอิงว่านายทักษิณประสบความสำเร็จในการปราบปรามยาเสพติด จึงอยากให้เลขาฯปปส. ไปอ่านรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษาและวิเคราะห์ การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน (คตน.) ของนายคณิต ณ นคร ที่มีรายงานการอุ้มหายเกี่ยวกับคดียาเสพติดกว่า 3,000 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่มีคนใดได้รับโทษ
“จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดเลขาฯปปส.ถึงมองว่านายทักษิณประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งที่เรื่องนี้ไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ”นางอังคณา กล่าว
เมื่อถามว่า การเชิญนายทักษิณ แบบนี้ถือเป็นการ ข้ามหัวน.ส.แพทองธาร ชินวตร นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ทุกคนมองเช่นนั้น โดยเฉพาะที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นผู้เชิญนายทักษิณมาร่วมงาน อาจจะเป็นการเปิดทางให้พูดชี้แจง เรียกร้องความเห็นใจ ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันขณะนี้มีมาก จนทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยว่านายกรัฐมนตรีจะรับมืออย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาสว. ปัญหาภายในของวุฒิสภา ที่ไม่กี่วันนี้จะต้องเลือกองค์กรอิสระ และเวลาเดินทางไปต่างประเทศก็มีทูตสอบถามเรื่องฮั้ว สว.
“ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นตั้งแต่นายทักษิณกลับมาไทย จะดีลหรือไม่ดีลเชื่อว่านายทักษิณรู้อยู่แก่ใจ และปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ค่อนข้างน่ากังวล ขณะเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นนายกฯ ก็ตอบคำถามคล้ายไม่สนใจ เป็นการตอบโต้มากกว่าการชี้แจง และวันนี้ก็ยังไม่เห็นภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีอย่างที่ควรจะเป็น
อย่างวันนี้ที่นายทักษิณออกมาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับนโยบาย หรือปัญหาส่วนตัว และที่สำคัญทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นคือนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลให้คำมั่นตามที่หาเสียงไว้ เช่น การแจกเงินดิจิทัล ไม่ได้ทำเลย , เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่คืบหน้า”นางอังคณา กล่าว