วันศุกร์, พฤษภาคม 30, 2025
หน้าแรกHighlight“เท้ง”ซัด“นายกฯ”ละเลยคุมงบประมาณ ส่อพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่“รัฐล้มเหลว”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เท้ง”ซัด“นายกฯ”ละเลยคุมงบประมาณ ส่อพาประเทศไทยก้าวเข้าสู่“รัฐล้มเหลว”

“ณัฐพงษ์” ซัด ‘นายกฯ’ ละเลยคุมงบประมาณ ส่อพาไทยสู่รัฐล้มเหลว ชี้ศรัทธาของประชาชนพังไปแล้ว ยันโลกเปลี่ยนไปแล้วแต่รัฐบาลจัดทำงบประไม่เปลี่ยน ไร้เป้าหมายให้ประเทศ ละเลยการทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาล ย้ำสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่วิกฤตการคลัง แต่เป็นวิกฤตทางการเมือง เป็นระบบขูดรีด

วันที่ 28 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อมา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า เป็นปีที่สองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่จัดงบขาดดุลสูงเกือบติดเพดาน ทำให้ต้องกู้ชดเชยการคลังสูงสุดในรอบ 36 ปี นับจากปี2532 สิ่งที่น่ากังวล ไม่ใช่การกู้แต่คือรัฐบาลใช้เงินเกินตัวโดยไม่มีแผนการลงทุนหรือการหารายได้รองรับ โดยการกู้นั้นไม่สร้างอนาคตให้ประเทศ  โดยงบประมาณที่เสนอขอ 3.78 ล้านล้านบาท พบว่าใช้ได้จริงเพียง 1 ใน 4 หรือ 1.06 ล้านล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้รัฐบาลปัจจุบันไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้ภาพ ไม่สามารถหาทางออกให้ประเทศ แต่ทำให้การบริหารแผ่นดินเดินแบบสะเปะสะปะอยู่ในระบบของราชการประจำ เพราะใช้เวลาแก้ปัญหาขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้นำประเทศฝ่าพ้นวิกฤต การที่มติครม. เปลี่ยนงบดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 ล้านบาท ไปเป็นงบลงทุนระยะสั้น แต่วิธีการจัดการจริงรัฐบาลไม่มีภาพอะไรในหัว เพราะคือการโยนเงินไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ ให้ส่งคำของบประมาณทัน 3 วันแม้จะขยายกรอบงบประมาณ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีแผนแม่บท วิสัยทัศน์ร่วมกับประเทศ ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่การกระจายยุทธศาสตร์สู่ท้องถิ่นแต่คือการกระจายภาระไปให้ท้องถิ่นคิดแทนรัฐบาล

“เป็นการกระจายผลประโยชน์ให้กับกลุ่มผลประโยชน์ของรัฐบาลที่รู้ข่าวล่วงหน้า ถึงจัดทำคำขอได้ทันภายในกรอบระยะเวลาอันสั้นใช่หรือไม่ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงรัฐบาลที่ขาดเจตจำนงในการบริหารประเทศ และกล้าพูดได้ว่าการอภิปรายงบฯ 69 บทใช้งบปี 68 เพราะไส้ในไม่เปลี่ยน ความไร้ภาพนี้ไม่ใช่บังเอิญ แต่เกิดจากการไร้สภาพของรัฐบาลในการบริหารประเทศ” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อของวิกฤตการจัดงบประมาณปี 2569 คือ บทพิสูจน์ว่าจะผ่านไปได้หรือไม่ ทั้งประเด็นสงครามการค้าที่มีผลกระทบต่อการส่งออก และซ้ำเติมจากการสวมสิทธิ และสินค้าเถื่อนราคาถูกจากต่างประเทศ ทั้งนี้จีดีพีของการผลิต และการบริโภคที่สวนทาง สะท้อนว่าการแจกเงินใช้ไม่ได้อีกต่อไป ทั้งนี้ตนมองว่าหากมีการปฏิรูประบบงบประมาณ จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมได้ ทั้ง การรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างสมดุล การลงทุนเครื่องจักรเศษฐกิจใหม่ เช่น การลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว  ไม่ใช่ใช้งบลงทุนเพื่อตัดถนน ขุดคลอง สร้างอาคาร การจัดทำงบประมาณปี69 คือ การจัดกลุ่มตัวเลขไม่ใช่การให้ความสำคัญก่อนหลัง ทั้งนี้มีผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ เพื่อทำงบประมาณรูปแบบใหม่และธรรมนูญปลดล็อคท้องถิ่น หากเสนอสภาฯ ไม่ผ่าน เพราะรัฐบาลไม่คิดเปลี่ยนแปลงของการจัดงบทำให้มองไม่เห็นยุทธศาสตร์ใดๆ จากงบสูตรเดิม อยากให้ความหวังกับประชาชนด้วยว่าประเทศไทยไม่ขาดเงิน จะฝ่าวิกฤตได้ รัฐบาลต้องบริหารเงินแผ่นดินที่อยู่ในทุกหน่วยงานของรัฐ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ เฉพาะที่มีอยู่เท่ากับ 7-8 ล้านล้านบาทต่อปี คิดเป็น 40% ต่อจีดีพีแต่ปัญหาไม่มีใครเชื่อมโยงเงิน รัฐวิสาหกิจต่างลงทุน และท้องถิ่นไม่เชื่อมโยงการบริหารประเทศ” ผู้นำฝ่ายค้านอภิปราย

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ขาดเงิน แต่ขาดการใช้เงินและลงทุนอย่างมีเป้าหมาย โดยงบปี2569 เช่น รัฐบาลทุ่มงบกับการจัดการน้ำ ตลิ่ง เขื่อน คลองมากกว่าเพิ่มพื้นที่รับน้ำ หรือระบบเตือนภัย งบเกษตรฯ เน้นการเยียวยาไม่มีการลงทุน งบซอฟท์พาวเวอร์กลายเป็นงบอีเว้นท์ ประชาสัมพันธ์ซ้ำซ้อน งบสิ่งแวดล้อมเน้นสร้างซ่อมมากกว่าการแก้เชิงระบบ งบดูแลคนพิการตกหล่อน กระจัดกระจาย ซ้ำซ้อน ขาดการเข้าถึงอุปกรณ์พื้นฐาน ดังนั้นต้องเปลี่ยนวิธี เช่น งบประกันสินเชื่อเอสเอ็มดี เพื่อเพิ่มตัวคูณในระบบเศรษฐกิจถึง 7 เท่า งบช่วยเหลือเกษตรกร เปลี่ยนจากแจกเป็นเงินลงทุนอย่างมีเป้าหมาย สนับสนุนเครื่องจักรเฉพาะพื้นที่ พืช และเฉพาะเวลาเพื่อเพิ่มผลผลิต ลดโลกร้อน โลกเปลี่ยนแปลง แต่งบประมาณไทยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีวิธีการใช้งบที่คุ้มค่าแม้นายกฯ ไม่ได้ทำงบประมาณ แต่คือคนที่คุมสำนักงบประมาณ เมื่อปล่อยให้ประเทศไทยใช้งบแบบไร้เป้าหมาย ไม่ปรับทิศทาง หรือเปลี่ยนทีม จึงต้องตั้งคำถามว่าประเทศไทยมีคนที่เป็นผู้นำรัฐบาลอยู่จริงหรือไม่ สิ่งที่เห็นในร่างพ.ร.บ.งบฯ69 นายกฯไม่เคยลงมาดูว่าเป้าหมายที่ประกาศหน่วยงานตั้งงบประมาณไว้หรือไม่ หรือทบทวนปรับเป้าหมาย รวมถึงไม่ตัดงบประมาณที่ซ้ำซ้อนเพื่อทำให้การทำงานดียิ่งขึ้น

“ผมขอเตือนนายกฯ ว่าวันนี้ไม่ใช่การทำงบประมาณที่ผิดพลาด แต่คือกระจกที่สะท้อนไปยังตัวนายกฯ ว่าไม่มีเป้าหมายให้ประเทศ ละเลยการทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศต่อสภาฯว่าจะปฏิรูประบบราชการที่ทันสมัย แต่การจัดงบประมาณสูตรเดิม เหมือนกับว่าประเทศไทยไม่เคยมีนายกฯ อยู่ เราไม่เคยมีผู้นำที่รู้จักใช้อำนาจเปลี่ยนงบประมาณที่ล้มเหลวเพื่อไม่ให้ประเทศล้มเหลวไปด้วย ผมขอย้ำว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่วิกฤตการคลัง แต่เป็นวิกฤตทางการเมือง เป็นวิกฤตของสถาบันรัฐไทย ที่เริ่มเป็นระบบขูดรีด ทั้งนี้ประเทศไทยเกือบจะเป็นรัฐล้มเหลว หากจัดทำงบประมาณแบบเดิมที่ไม่เปลี่ยน นายกฯไม่ปรับการทำงาน วันนี้ประเทศไทยไม่ใช่รัฐล้มเหลวที่สมบูรณ์ โครงสร้างรัฐไม่พัง แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนพังไปแล้ว” นายณัฐพงษ์ กล่าว

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

ไข 10 ประเด็นร้อน-2 เดือนตึกสตง.ถล่ม

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img