“เซีย” ถล่มรมว.แรงงาน ปรับค่าจ้างขั้นต่ำแบบเต่าย่อง ฉะไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน นำงบสร้างความปลอดภัยให้แรงงาน 50ล้าน ไปสร้างตึก ซื้อรถ แทนการสร้างความปลอดภัย เอางบพัฒนาทักษะฝีมือ ไปซื้อคอมพิวเตอร์ 83ล้าน
เมื่อวันที่ 31 พ.ค.68 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 4 เป็นวันสุดท้าย
โดย นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาสินค้าแพงขึ้นทุกอย่าง แต่ค่าจ้างขั้นต่ำปรับขึ้นช้าเป็นเต่าย่อง ต่ำสุดอยู่ที่ 337 บาท ทั้งที่รมว.แรงงานบอก จะปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่กระทรวงแรงงานกล้าของบประมาณเกี่ยวกับการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น ขณะที่เรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานระบุในตัวชี้วัดปี 2569 จะผลักดันจำนวนแรงงานให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย 2.5 ล้านคน ทั้งที่แรงงานประเทศไทยมี 40 ล้านคน ที่เหลือจะปล่อยตามยถากรรมใช่หรือไม่ จำนวนอุบัติเหตุของผู้ใช้แรงงานเพิ่มขึ้นทุกวัน ปี 2565 มีผู้ประสบอุบัติเหตุจากการทำงาน 76,000 คน ปี 2566 เพิ่มเป็น 81,000 คน และปี 2567 มี 87,000 คน รวม 3 ปี มีแรงงานบาดเจ็บจากการทำงาน 2.5 แสนคน ปีนี้ของบโครงการความปลอดภัยและชีวอนามัยประเทศไทย 100 ล้านบาท ดูเหมือนให้ความสำคัญความปลอดภัยป้องกันอุบัติเหตุการทำงาน แต่เป็นงบดำเนินการแค่ 31 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงบสร้างตึกมากกว่า 50 ล้านบาท และที่เหลือซื้อลิฟต์ กับรถอีก 5 คัน จะช่วยลดอุบัติเหตุอย่างไร
นายเซีย กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ลูกจ้างถูกลอยแพจากการเลิกจ้าง รัฐบาลไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้นายจ้างนำเงินมาจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างได้ ข้อมูลกรมสวัสดิการและคุ้มแรงงาน ปี 2562-2567 มีลูกจ้างไม่ได้รับเงินตามคำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงาน 43,000 คน เป็นเงิน 2,800 ล้านบาท ปล่อยนายจ้างกินหรู อยู่สบาย ไม่ดำเนินคดีนายจ้างอย่างจริงจัง ปล่อยแรงงานถูกนายจ้างละเมิด จัดงบแบบน่าสังเวช ส่วนการเพิ่มทักษะเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน ปีนี้ได้งบพัฒนาทักษะแรงงานนอกระบบ 260 ล้านบาท ได้งบเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 160 ล้านบาท แต่เป็นโครงการเดิมๆ อบรมอาชีพแบบเบี้ยหัวแตก อบรมเสร็จก็แจกของ สุ่มเสี่ยงทุจริต ละเลยพัฒนาฝีมือแรงงานให้ตรงความต้องการตลาดแรงงานปัจจุบัน งบที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เอาไปพัฒนาฝีมือแรงงาน แต่เอาไปซื้อคอมพิวเตอร์ใช้ในสำนักงาน 83 ล้านบาท และพัฒนาระบบบริหารจัดการกลางด้วยปัญญาประดิษฐ์ 74 ล้านบาท
นายเซีย กล่าวอีกว่า อีกเรื่องคือสวัสดิการผู้พิการ มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานรัฐที่มีผู้ปฏิบัติงาน 100 คนขึ้นไป ต้องรับคนพิการเข้าทำงานในอัตรา 100 คน ต่อ 1 คน แต่หน่วยงานรัฐไม่ทำตามกฎหมาย ปี 2567 หน่วยงานรัฐจ้างงานคนพิการเพียง 3,600 คน จากสัดส่วนที่ต้องรับคนพิการ 18,000 ตำแหน่ง และจัดงบโครงการ ส่งเสริมคนพิการทำงานในหน่วยงานภาครัฐ ให้แค่ 3.6 แสนบาท เท่ากับจ้างคนพิการได้แค่ 2 คน หรือโครงการส่งเสริมสวัสดิการเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเกษียณอย่างมีคุณภาพของประชากรวัยแรงงาน ได้งบ 2 ล้านบาท โครงการจัดสวัสดิการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานและครอบครัวเพื่อส่งเสริมแรงงานหญิง 5 ล้านบาท ก็เอาไปจัดอบรม นำแรงงานมานั่งฟังกระทรวงแรงงานเทศนาว่า เกษียณแล้วจะทำตัวอย่างไร ไม่ให้เป็นภาระครอบครัว ไม่แน่ใจใครควรไปอบรมระหว่างคนทำงานปากกัดตีนถีบ หรือรัฐบาลที่จัดงบไม่มีน้ำยา เมื่อรัฐบาลไม่สามารถจัดงบได้เหมาะสม จึงไม่เห็นด้วยกับร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 69