สภาฯฉลุย 322 รับหลักการงบฯ69 วาระแรก ตั้งกมธ.73 คน ขณะที่“นายกฯอิ๊งค์” ยันรัฐบาลทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำทุกนโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สำเร็จเป็นรูปธรรม
วันที่ 31 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ(พิเศษ) ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 เป็นวันสุดท้าย ต่อมาเวลา 16.00 น.ที่ประชุมลงมติรับหลัการวาระหนึ่ง ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง ไม่ลง 2 เสียง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 73 คน แสดงว่าที่ประชุมรับหลักการ
จากนั้นเวลา 16.10น.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในนามของรัฐบาล ว่า ขอขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎรและ สส. ที่ร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบปี 2569 ที่รัฐบาลนำเสนอด้วยความตั้งใจ ซึ่งรัฐบาลตระหนักดีว่าการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ ดำเนินการตามภายใต้ข้อจำกัดวงเงิน มาตรการรายจ่ายกีดกันทางการค้า ของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยรอบด้านที่ส่งผลกระทบ
“ความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ดีมีผลกระทบมากมายในทุกวันนี้ เราสามารถขับเคลื่อนประเทศให้ไปต่อได้โดยนโยบายต่างๆที่รัฐบาลได้เสนอต่อสภา เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่างบประมาณที่ได้เสนอไปจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนไทยทุกคนได้” น.ส.แพทองธาร กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา โดยคำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณเพื่อรองรับปัญหาเร่งด่วน เสริมสร้างศักยภาพของทุนมนุษย์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวทางยุทธศาสตร์ของชาติอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบปี 2569 มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติและสร้างโอกาสให้กับประชาชนทุกกลุ่มให้เข้าถึงทรัพยากร ที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมถึงมุ่งเน้นรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศให้เป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับข้อคิดคิดเห็น ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของทุกท่านที่ได้อภิปรายไว้ขอฝากคณะกรรมธิการวิสามัญที่ตั้งขึ้นโดยสภาแห่งนี้นำไปประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดและครบถ้วนต่อไป
“ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง และเรื่องสภาวะทางเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ใช่เพียงแต่ประเทศของเรา แต่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศได้คุยกับผู้นำประเทศมากมาย มีเรื่องผลกระทบที่เจอในหลายด้านหลายมุมแตกต่างกัน ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกประเทศที่จะร่วมมือช่วยกันได้ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ และการเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้อาจจะเป็นเรื่องท้าทายที่จะกำหนดทิศทางหรือหาข้อสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นคำตอบที่ชัดเจนในวันนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือรัฐบาลชุดนี้จะทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำนโยบายทุกนโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เราจะลดรายจ่ายของประชาชนเพิ่มรายได้และขยายโอกาสและใช้เม็ดเงินจากงบประมาณชุดนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน“ น.ส.แพทองธาร กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และทราบว่าประชาชนไม่ได้ส่งเรามาทำเรื่องง่ายๆ รัฐบาลทำหน้าที่บริหารฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ้าเราทั้งสองมุ่งเน้นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เป็นใจความสำคัญจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถทำให้ประเทศผ่านวิกฤตไปได้และสามารถทำให้เห็นผลสำเร็จร่วมกันได้แน่นอน
จากนั้นที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯพิจารณาศึกษาจำนวน 73 คน