สถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียดอีกครั้ง พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนชัด จะไม่คุย 2 ฝ่ายกับไทยแล้ว แต่จะขอพึ่งศาลโลก ชี้ขาดข้อพิพาทชายแดน
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลาย โดยล่าสุด ทางกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ไม่ขอเข้าร่วมในการเจรจา JBC ร่วมกับไทย แต่จะใช้แนวทางนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ให้พิจารณาข้อขัดแย้งใน 4 พื้นที่ ประกอบด้วย ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย
โดยแถลงการณ์ดังกล่าว พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ย้ำจุดยืนชัดเจนว่า รัฐบาลของเขาจะไม่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ณ กรุงพนมเปญ แต่ประกาศขอใช้ช่องทางทางกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) แทนการเจรจาทวิภาคีกับไทย
พล.อ.ฮุน มาเนต ระบุว่า ท่าทีนี้สอดคล้องกับแนวทางของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา อดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อน และยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองสูง โดยระบุชัดว่า กัมพูชาจะไม่ประนีประนอมในพื้นที่พิพาทสำคัญๆ อาทิ ช่องบกในเขตชายแดนอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไปจนถึงกลุ่มปราสาทโบราณสำคัญ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ซึ่งทอดยาวตามแนวชายแดนกว่า 200 กิโลเมตร

สำหรับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชานั้นถือเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานกว่า 20 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโบราณสถาน เช่น กรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเคยเป็นกรณีฟ้องร้องต่อศาลโลกในอดีต และยังคงทิ้งบาดแผลทางประวัติศาสตร์และอธิปไตยไว้ทั้งสองฝ่าย และการที่กัมพูชาตัดสินใจไม่เข้าร่วม JBC ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณของความตึงเครียดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจบริเวณชายแดนในอนาคต

