วันศุกร์, มิถุนายน 6, 2025
หน้าแรกNEWS“โรม” ห่วงวิกฤติแม่น้ำกก สารหนุปนเปื้อนหนัก – ชี้ทุนสีเทาจีนทำเหมืองว้าไม่สนใจคนไทย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“โรม” ห่วงวิกฤติแม่น้ำกก สารหนุปนเปื้อนหนัก – ชี้ทุนสีเทาจีนทำเหมืองว้าไม่สนใจคนไทย

รังสิมันต์ โรม เผย กมธ.ความมั่นคงฯ จับตาวิกฤติแม่น้ำกก หลังพบสารหนุปนเปื้อนในน้ำเกินมาตรฐาน ชี้ต้นเหตุจากเหมืองในพื้นที่กองกำลังว้าซึ่งมีทุนสีเทาจากจีนหนุนหลัง ลั่นรัฐไทยต้องเร่งหาทางรับมือ ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความมั่นคง ก่อนปัญลามถึงแม่น้ำโขง

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการฯ โดยระบุว่า ประเด็นหลักในการหารือวันนี้คือปัญหาวิกฤตแม่น้ำกก ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบในหลายมิติ ไม่เพียงแต่ด้านความมั่นคง หากยังรวมถึงผลกระทบต่อชุมชน สังคม สุขภาพประชาชน และสิ่งแวดล้อม

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ปัจจุบันมีการตรวจพบสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก ซึ่งอาจไม่ใช่สารพิษชนิดเดียวที่ปะปนในแหล่งน้ำ โดยมีข้อสันนิษฐานว่า สาเหตุหลักมาจากการทำเหมืองของกลุ่มกองกำลังว้า ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทุนสีเทาจากจีน โดยมีทั้งเหมืองทองคำ และล่าสุดคือเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ ที่ตั้งอยู่บริเวณตอนบนของแม่น้ำกก การทำเหมืองในลักษณะนี้มิได้คำนึงถึงผลกระทบต่อชาวไทยหรือสิ่งแวดล้อม และยังมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กมธ.ความมั่นคงฯ เคยลงพื้นที่สำรวจแล้วหนึ่งครั้ง และพบว่า ปัญหานี้จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนในสองระดับ คือ ระยะสั้นและระยะยาว

“แนวทางระยะสั้น เราต้องควบคุมไม่ให้สารพิษแพร่กระจายมากไปกว่านี้ มีข้อเสนอจากนักวิชาการบางท่านให้สร้างฝายชั่วคราวเพื่อชะลอตะกอนและลดการกระจายของสารหนู ซึ่งเบื้องต้นได้รับการตอบรับจากกลไกจังหวัด และคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่สูงนัก แต่มีข้อจำกัดในเรื่องการจัดการตะกอนสารพิษ โดยเฉพาะเมื่อมีการขุดลอกตะกอนขึ้นมา จะนำไปบำบัดที่ใด ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าอาจต้องส่งไปบำบัดที่สระบุรี” นายรังสิมันต์กล่าว

ส่วนแนวทางระยะยาว นายรังสิมันต์ยอมรับว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดการกับต้นตอของปัญหา นั่นคือ กองกำลังว้า และกลุ่มทุนจีนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งแม้จะรับรู้ถึงผลกระทบต่อประชาชนไทย แต่กลับไม่เคยแสดงความรับผิดชอบหรือเกรงใจไทยเลย

“ที่ผ่านมา การทูตและนโยบายต่างประเทศของเรากลับไม่สามารถสร้างแรงกดดันใดๆ ให้กลุ่มเหล่านี้ยำเกรงได้เลย จนทำให้คนไทยต้องรับผลกระทบแต่เพียงฝ่ายเดียว” นายรังสิมันต์ระบุ

พร้อมกันนี้ เขายังกล่าวถึงความล่าช้าในการแก้ไขปัญหาของฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องนี้ แม้จะมีการสั่งการบ้าง แต่ก็ยังไม่เห็นผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง

“เราจำเป็นต้องมีคำตอบให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร จะมีมาตรการจากเบาไปหาหนักในระดับใด หากปล่อยไว้ พื้นที่ชายแดนอื่นๆ ก็จะเผชิญปัญหาในลักษณะเดียวกันอีก เช่นเดียวกับกรณีกัมพูชา ที่เริ่มแสดงท่าทีไม่เกรงใจไทยเช่นกัน”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่าอาการบวมของปลาที่พบในแม่น้ำกก อาจเกิดจากพยาธิ ไม่ใช่สารพิษ นายรังสิมันต์ตอบว่า แม้จะไม่อาจชี้ชัดได้ว่าอาการปลาทั้งหมดมาจากสาเหตุใด แต่ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่า ปัจจุบันน้ำในแม่น้ำกกมีสารปนเปื้อนเกินมาตรฐานถึงเท่าตัว

“นี่คือข้อมูลที่ตรวจสอบได้ทางวิทยาศาสตร์ และเราต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจังว่าผลกระทบนี้จะลุกลามไปไกลเพียงใด เพราะอาจไม่จำกัดอยู่แค่แม่น้ำกก แต่อาจลามไปถึงแม่น้ำสาย และแม่น้ำโขงในอนาคต” นายรังสิมันต์กล่าว

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img