“อภิสิทธิ์” ไม่เห็นด้วยตั้ง “กาสิโน” ถูกกฎหมาย ยันนำเรื่องใต้ดินขึ้นมาบนดินก็แก้ปัญหาธุรกิจผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่เชื่อจะเป็นแหล่งส่งเสริมการท่องเที่ยว ชี้สถานบันเทิงครบวงจรหลายแห่งในโลกก็ไม่มีบ่อนกาสิโน หลีกเลี่ยงคำว่ากาสิโน ทั้งที่รัฐบาลรู้ว่า มีแรงต้านของสังคมอยู่ไม่มากก็น้อย
วันที่ 5 มิ.ย.2568 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วุฒิสภา ที่มีนพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.และประธานกมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายจุลพันธ์ อมลวิวัฒน์ รมช.คลัง มาให้ความเห็นนโยบายเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร โดยนายอภิสิทธิ์ให้ข้อมูลต่อกมธ.ว่า ขอยืนยันไม่สนับสนุนเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพนัน ทุกรัฐบาลที่มีการเสนอ ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะการนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน ไม่สามารถลดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้มากนัก การนำขึ้นมาบนดินต้องมีกฎเกณฑ์ กติกากำกับ ขณะที่ธุรกิจผิดกฎหมายไม่มี จึงมีความแตกต่างเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ สิ่งที่ต้องจับตาคือ เงื่อนไขให้คนไทยไปเล่นการพนันที่มีหลักเกณฑ์ต้องมีเงินในบัญชี 50ล้านบาท เป็นเวลา 6เดือน เพื่อจำกัดคนเล่นนั้น คงไม่ตอบโจทย์การนำสิ่งผิดกฎหมายขึ้นมาบนดิน เพราะคนที่เล่นอยู่ทั่วไปนั้น ไม่ได้อยู่ในสถานะเข้าไปเล่นในสถานบันเทิงเหล่านี้ได้ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นผลักดันนโยบายนี้เป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับนโยบายอื่นๆ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อีกเหตุผลที่คัดค้านคือ การส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยอ้างสิงคโปร์เป็นกรณีความสำเร็จ มีตัวเลขการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวมาเทียบ และคำนวณว่า ประเทศไทยจะได้ประโยชน์ แต่ขนาดประเทศไทยกับสิงคโปร์จะเอามาเทียบเคียงได้จริงหรือไม่ สิ่งที่ห่วงสุดคือ ยังไม่เห็นการศึกษาของรัฐบาลที่มีสมมุติฐานเกี่ยวกับการเปิดสถานประกอบการอันนี้ แล้วจะเกิดประโยชน์ต่างๆ สมมุติฐานคืออะไร มีแต่หยิบตัวเลขที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (สสค.) คำนวณแบบหยาบๆเบื้องต้น และเทียบบัญญัติไตรยางค์ของสิงคโปร์ ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือ การใช้ตัวเลขอ้างอิงของการศึกษาภาคเอกชนเชิงธุรกิจ ซึ่งประโยชน์ที่เกิดขึ้นในทางธุรกิจ กับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประเทศเป็นคนละเรื่องกัน รู้สึกหงุดหงิดที่คนในรัฐบาลต่อว่า สถานบันเทิงครบวงจรคือกาสิโน เป็นการบิดเบือน ไม่แน่ใจคนบิดเบือนเป็นใครกันแน่ เพราะจริงๆสถานบันเทิงครบวงจรหลายแห่งในโลก ไม่มีกาสิโน มีเฉพาะในกฎหมายไทยที่จะออก ถ้ารัฐบาลบอกไม่มีกาสิโนแล้วสถานบันเทิงครบวงจรไม่มีทางเกิด ทำไมไม่ลองออกกฎหมาย โดยไม่มีกาสิโน ทุกวันนี้เห็นการท่องเที่ยวที่สร้างโดยมนุษย์ใหม่ๆตลอดเวลา โดยไม่ต้องพึ่งเงินทุนจากกาสิโน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่เป็นรายได้และรูปธรรมของกาสิโนมีอยู่ 2-3ส่วนเท่านั้น เรื่องการสร้างงานหรือสร้างมูลค่า ไม่ปฏิเสธ เกิดขึ้นแน่ แต่สร้างอย่างอื่นก็เหมือนกัน ไม่ต้องเจาะจงว่าเป็นกาสิโน รวมถึงงานที่จะถูกสร้างขึ้นในกาสิโนไม่ได้เป็นตำแหน่งงานที่มีคุณภาพสูง หรือจำนวนมาก แต่ถ้าเอานอกกาสิโน อยู่ในสถานประกอบการอื่น ก็เชื่อว่ามาได้ โดยไม่ต้องมีกาสิโน ถ้าให้แรงจูงใจดีพอ ภาษีที่เก็บได้เป็นประโยชน์เข้าสู่รัฐ กรณีการส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น ไม่ได้มองว่าประเทศไทยมีความจำเป็นต้องมีกาสิโนดึงดูดคนมาท่องเที่ยว ยิ่งถ้าเกิดหลายแห่ง หลายเมือง ยิ่งกระทบ กระเทือน วันที่ผู้นำไทยไปเยือนจีน เป็นเรื่องแปลกที่ผู้นำจีนเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะจีนมีกฎหมายบอกว่า คนจีนไปเล่นการพนันที่ไหนก็ผิดกฎหมาย หมายความว่า จีนไม่สนับสนุนให้คนจีนเล่นการพนันไม่ว่าจะที่ไหน เมื่อจีนมีท่าทีเช่นนี้ คงส่งสัญญาณโดยทั่วไปคือ ไม่สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศไทย ถ้ามีกาสิโน นักท่องเที่ยวจีนประมาณ 1ใน3 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ฉะนั้นถ้าจะคำนวณว่า กาสิโนดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กี่คน ต้องหักลบกลบตรงนี้ด้วย คำถามคือจะคุ้มกันหรือไม่ เมื่อพูดถึงข้อดีหรือการป้องกันข้อเสียต่างๆ จะเอาทุกอย่างไม่ได้