‘หมอตุลย์’ จวก ‘สมศักดิ์’ ไร้อำนาจสอบจริยธรรมแพทย์ ชี้ เป็นหน้าที่ ”แม้ว’ ร้องเรียนเองปมถูกนินทา ซัดกลับ ‘ที่ปรึกษานมต.สธ.’ เปิดเผยเองผ่านสื่อ หวังดิสเครดิตแพทยสภา พร้อมเทียบไทม์ไลน์ บทสนทนาออกหลังมีมติลงโทษหมอเอี่ยวปมชั้น 14
จากกรณีที่ นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีง่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งบันทึกถึงผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา กรณีส่งข้อความในกลุ่มไลน์แพทยสภาเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และมีอคติในการวินิจฉัยการรักษาอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างถึงหนังสือร้องเรียนของนายชวภณ กมลคณาวุฒิ ถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ขอให้พิจารณาตรวจสอบจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 68 นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี นำรายชื่อของแพทย์ ได้ออกแถลงการณ์แจ้งต่อสื่อมวลชน แจงรายละเอียดเหตุโต้การร้องเรียนของ ทีมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยระบุว่า 1.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ไม่มีอำนาจหน้าที่ใดๆ ในการพิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และกรรมการแพทยสภา
2.แพทยสภามีอำนาจหน้าที่พิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น หากเป็นการกระทำผิดจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในเรื่องอื่นใด ที่ไม่ใช่การประกอบวิชาชีพเวชกรรม แพทยสภาไม่มีอำนาจพิจารณาในเรื่องนี้ เช่น การฉ้อโกง หนีภาษี หรือขโมยของ ทำร้ายร่างกาย อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายแพ่ง-อาญา อันเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของวิชาชีพแพทย์ เมื่อหน่วยงานอื่นได้สอบสวนลงโทษแล้ว และมีผู้กล่าวโทษต่อแพทยสภา แพทยสภาจึงจะพิจารณาว่าผู้ประกอบวิชาชีพนั้นจะต้องถูกลงโทษหรือไม่ในสถานใด
3.เป็นที่ปรากฎชัดแล้วว่า มีการอ้างถึง แชทไลน์ 2 กลุ่ม แชทดังกล่าวที่พาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ไลน์กลุ่มของกรรมการแพทยสภา ซึ่งในสื่อถูกตัดชื่อกลุ่มออกไป โดยเป็นแชทไลน์ที่เขียนโดยแพทย์ท่านหนึ่งที่ไม่ใช่กรรมการแพทยสภา
หากจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ผอ.ศูนย์ปอท. ก็ต้องเป็นผู้เสียหายโดยตรง คือนายทักษิณ ชินวัตรเป็นผู้ร้องเรียน หรือกล่าวได้ว่า เลขานุการ รมว.สาธารณสุข ไม่มีอำนาจหรือสิทธิใดๆ ในการร้องต่อผอ.ศูนย์ปอท. อนึ่งศูนย์ปอท. มีหน้าที่สอบสวนคดีที่เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่ใช่ตรวจสอบจริยธรรมของผู้ที่แชทไลน์ และกรรมการแพทยสภา
4.เมื่อแชทดังกล่าวไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่มของแพทยสภา แม้กรรมการแพทยสภาท่านหนึ่งจะมากดตอบ Yesss ก็ตอบในไลน์กลุ่มนั้น (ซึ่งย้ำว่าไม่ใช่ไลน์กลุ่มแพทยสภา) ก็ไม่ได้มาตอบในฐานะกรรมการแพทยสภา แต่เป็นเพียงสมาชิกคนหนึ่งในไลน์กลุ่ม (Line group) นี้
5.การที่นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วย รมว.สาธารณสุข นำแชทไลน์ที่พาดพิงในทางลบต่อนายทักษิณ ชินวัตร ก็น่าจะมีการส่งต่อจากผู้ที่เป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์นั้นส่งมาให้ จึงนับเป็นการเสียมารยาททางการอยู่ในไลน์กลุ่มอย่างร้ายแรง และการเปิดเผยแชทไลน์ดังกล่าว จึงเป็นการกระทำของนายธนกฤตเอง ที่เผยแพร่แชทที่เป็นผลเสียต่อนายทักษิณ ชินวัตรให้คนรับรู้และเห็นด้วยทั่วประเทศ
6.เมื่อตรวจสอบ ไลน์แชทกลุ่มของกรรมการแพทยสภา ที่นายธนกฤตนำมาเปิดเผย พบว่า เป็นข้อความ ที่ส่งต่อมาจากกลุ่มแพทย์และประชาชนที่สนับสนุนการลงมติของแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 และเรียกร้องให้กรรมการแพทยสภามาร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกันในวันที่ 12 มิ.ย. 2568 และออกเสียงยืนยันมติเดิมที่ถูกยับยั้งโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สภานายกพิเศษ เพราะแพทย์และประชาชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับเหตุผลในการยับยั้งมติของแพทยสภา
7.กรรมการแพทยสภาพิจารณาและลงมติการรักษานายทักษิณ ชินวัตร โดยแพทย์ทั้ง 4 ท่านที่ถูกกล่าวโทษตามพยานหลักฐานจากการสอบปากคำพยานบุคคลจำนวนหลายปาก และเอกสารที่ได้จากกรมราชทัณฑ์ และ โรงพยาบาลรตำรวจ พร้อมด้วยความเห็นจากราชวิทยาลัยแพทย์ที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปว่า เมื่อไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ชี้ชัดว่า (นายทักษิณ ชินวัตร) มีการป่วยวิกฤต ตามการออกความเห็นทางการแพทย์ ของแพทย์ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หรือการเขียนเอกสารแสดงความเห็นทางการแพทย์ ที่ไม่ตรงตามความจริง เช่น ระบุว่าป่วยหนัก ต้องรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่สามารถส่งกลับไปรักษาต่อที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ ทั้งๆ ที่ ไม่มีความจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลตำรวจแล้ว และสามารถส่งตัวกลับไปรักษาที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ การดำเนินการพิจารณาจริยธรรมของแพทย์ผู้ตรวจรักษานายทักษิณ ชินวัตร จึงมีความจริงจากหลักฐานประกอบการพิจารณา โดยปราศจากอคติ ไม่ได้เบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานตามคำร้องเรียนแต่อย่างใด
อนึ่ง แถลงการณ์ให้กำลังใจแพทยสภาที่ปรากฎในไลน์กลุ่มแพทยสภา เกิดขึ้นหลังจากนายสมศักดิ์ เทพสุทินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณามติแพทยสภา จนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สภานายกพิเศษมีมติยับยั้งมติเดิมของแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 แชทดังกล่าวจึงไม่มีผลต่อการลงมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2568 อย่างแน่นอน
ย้ำอีกครั้งว่า รมว.สาธารณสุข มีอำนาจต่อการทำหน้าที่ของแพทย์ และบุคลากรในสังกัดก.สาธารณสุขเท่านั้น ไม่มีอำนาจสอบสวนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสังกัดอื่น และไม่มีอำนาจในการตรวจสอบกรรมการแพทยสภาแต่อย่างใด.