วันอังคาร, มิถุนายน 10, 2025
หน้าแรกHighlight‘พล.อ.สุจินดา’อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่19 ถึงแก่อสัญกรรมด้วย‘โรคชรา’ในวัย 91 ปี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘พล.อ.สุจินดา’อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่19 ถึงแก่อสัญกรรมด้วย‘โรคชรา’ในวัย 91 ปี

“บิ๊กสุ-พล.อ.สุจินดา คราประยูร” อดีตนายกฯคนที่ 19 ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา ในวัย 91 ปี

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สุจินดา คราประยูร เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 เวลา 01.57 น. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ด้วยโรคชรา สิริอายุ 91 ปี 10 เดือน 4 วัน กำหนดการพิธีศพ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

สำหรับพล.อ.สุจินดา คราประยูร (เกิด 6 สิงหาคม พ.ศ.2476) เป็นนายทหาร จปร.5 และนายกรัฐมนตรีคนที่ 19 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด หนึ่งในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ซึ่งก่อรัฐประหารใน พ.ศ.2534

ด้านชีวประวัติ

พล.อ.สุจินดา คราประยูร เกิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.2476 บุตรคนสุดท้องของนายจวงกับนางสมพงษ์ คราประยูร มีพี่สาวสองคน สมรสกับคุณหญิงวรรณี คราประยูร (หนุนภักดี)มีบุตรชาย 2 คน

พล.อ.สุจินดาเข้าเรียนต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หลักสูตรเวสท์ปอยต์ รุ่นที่ 5 

เป็นผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่จากฟอร์ทซิลส์ (Fort Sill’s) รัฐโอคลาโฮม่า (Oklahoma) ประเทศสหรัฐอเมริกา สำเร็จหลักสูตรเสนาธิการทหารบกรุ่นที่ 44 เป็นอันดับที่ 1 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกาจากฟอร์ดลีเวนเวิร์ธ (Fort Leavenworth)

จากนั้นเข้ารับราชการทหาร พ.ศ.2496 ได้รับพระราชทานยศ ว่าที่ร้อยตรี ตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 และได้ เดินทางไปราชการสงครามที่เวียดนาม ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายยุทธการ กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ต่อมาได้รับพระราชทานยศพันโท และเข้าดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นายอานันท์ ปันยารชุน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา

ส่วนชีวิตรับราชการ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก้าวหน้าในหน้าที่ราชการตามลำดับ อาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก เจ้ากรมยุทธการทหารบก ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ รองเสนาธิการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก และในวันที่ 29 เม.ย.2533 ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกแทนพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งลาออกจากราชการ และเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2534 ได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่งแทนพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งเกษียณอายุราชการ

นอกจากนี้ พล.อ.สุจินดาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญตราต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ, มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก, เหรียญลูกเสือสดุดี, เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก, ปรมาภรณ์มงกุฎไทย, เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 2 ประเภทที่ 2, เหรียญชัยสมรภูมิ (เวียดนาม) 

สำหรับบทบาททางการเมือง

พล.อ.สุจินดาเคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น เคยเป็นเคยเป็นที่ปรึกษาพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี เลขานุการพล.อ.สิทธิ จิรโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และสมาชิกวุฒิสภา

ต่อมาวันที่ 23 ก.พ.2534 พล.อ.สุจินดาดำรงตำแหน่งรองประธานสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งได้ทำการยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลของพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ พล.อ.สุจินดาก้าวเป็นนายกฯคนที่19 ของไทย เมื่อ 7 เม.ย.2535  ในเวลาสั้นๆ เพียง 48 วัน เหตุเกิดเหตุการณ์สำคัญประวัติศาสตร์การเมือง “พฤษภาทมิฬ” 24 พ.ค.2535 และประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทนเป็นการชั่วคราว

พล.อ.สุจินดาได้ยุติบทบาทการดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงอย่างสิ้นเชิง แต่ยังคงมีบทบาทในการแสดงความคิดเห็นและการให้คำแนะนำทางด้านการเมือง การปกครอง และการปฏิวัติรัฐประหารในยุคต่อๆ มาจากประสบการณ์ตรง 

ในวันที่ 6 ส.ค.ทุกปี พล.อ.สุจินดาจะเปิดบ้านให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ พ่อค้าและนักธุรกิจเข้าเยี่ยมคารวะ เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ณ บ้านพักซอยระนอง 2 ก่อนเงียบหายไปหลังมีปัญหาสุขภาพ จนกระทั่งเสียชีวิตโรคชราวันนี้.

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img