วันพุธ, มิถุนายน 11, 2025
หน้าแรกHighlight‘สนธิ-จตุพร’ประกาศไม่อ่อนข้อให้กัมพูชา พร้อมลงถนนแม้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘สนธิ-จตุพร’ประกาศไม่อ่อนข้อให้กัมพูชา พร้อมลงถนนแม้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต

“สนธิ-จตุพร” ประกาศกร้าวไม่ขออ่อนข้อให้กัมพูชา ร้องไม่เอา นายประศาสน์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ชู 6 มาตราการให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาชายแดน พร้อมลงถนนแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต จี้ให้ยกเลิก MOU 43 ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในเจบีซี

วันที่ 10 มิ.ย.2568 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 2 อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา นายวีระ สมความคิด นักสิทธิมนุษยชน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. และเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือถึง นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ

นายสนธิ กล่าวว่า 1. นี่เป็นเรื่องใหญ่เทียมฟ้า เพราะนายวีระ เป็นเหยื่อของคนที่ต้องการยกพื้นที่ในประเทศไทยให้กับกัมพูชาข้อเท็จจริงพิสูจน์และปฏิเสธไม่ได้ว่า นายวีระ ตอนถูกจับอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย 2. ตนไม่สนใจว่าทักษิณ ชั้น 14 จะตายโหงตายห่าอย่างไร เพราะรู้ว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ แต่ตนสนใจคนที่ทรยศต่อชาติบ้านเมืองที่อยู่ในประเทศไทย ที่แอบส่งเสริมให้กัมพูชายึดพื้นที่ของไทย

“ผมยืนยันถึงเวลาที่ต้องปกป้องอธิปไตยไทย และทำให้รัฐบาลชั่วช้า จะลงถนนตนไม่ขัดข้องถึงอายุ 78 ปี จะเป็นการลงครั้งสุดท้ายก่อนตายตนก็ยินดี และเชื่อว่าประชาชน หรือว่าทุกคนบนโต๊ะนี้ร่วมกับผมแน่ และขอฝากถึง นายกฯแพทองธาร นายภูมิธรรม นายทักษิณ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย เรามาเตือนรัฐบาล ใครก็ตามที่มีเจตนาใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ในการเจรจาทวิภาคี คือการสละอธิปไตย เป็นกบฏ 20 ปีที่ทำเรื่องนี้มา เรามีหลักฐานว่าความผิดสำเร็จแล้ว เราไม่อยากสิ้นชาติ สิ้นรัฐบาลไม่เป็นไร”นายสนธิ กล่าว

ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า แม้มีสัญญาณว่ากัมพูชาจะถอยแต่เราไม่เชื่อ เราเชื่อว่าเป็นการถอยทางยุทธวิธี เพราะปัจจุบันเรายังไม่สามารถไว้วางใจได้ เรายังเห็นท่าทีของกัมพูชาเป็นปัญหาภัยคุกคามต่อความมั่นคงเศรษฐกิจของไทย อีกทั้ง กัมพูชายังประกาศว่าพื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย (สามเหลี่ยมมรกต) เป็นของกัมพูชาและจะนำเรื่องเข้าสู่การตัดสินที่ศาลโลก และกัมพูชายังยึดมั่นในพื้นที่มาตรา 1:200,000 ที่จัดทำโดยฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการรุกล้ำฝ่ายไทยตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปี 2547 มีการละเมิดข้อตกลงไปแล้ว 470 ครั้ง อีกทั้ง MOU 2543 สร้างความขัดแย้งให้กับไทย-กัมพูชา มา 25 ปี รวมทั้งกัมพูชายึดเส้นเขตไหล่ทวีปทางทะเลและสร้างสิ่งปลูกเพิ่มยื่นเข้ามาในอ่าวไทย ที่สำคัญกัมพูชาเป็นพื้นที่อาชญากรรมทำลายเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศไทยตลอดแนวชายแดน ไม่ว่าจะกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และการทำลายสัตว์ป่า ป่าไม้ตลอดแนวชายแดนของประเทศไทย ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า จึงเรียกร้องให้รัฐบาล ทำตาม 6 มาตรการ คือ1. รัฐบาลไทยต้องไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกหรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และไม่ยอมรับการที่กัมพูชานำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาไม่ว่ากรณีใดๆ ไม่ยอมรับอำนาจจากองค์กรอื่นหรือประเทศอื่นมาตัดสินในเรื่องอธิปไตยของประเทศไทย และใช้กลไกทวิภาคีเจบีซีเท่านั้น 2. ไทยต้องประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลกัมพูชาและทางสากล ว่า 3 ปราสาทและ 1 ดินแดน เป็นดินแดนอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย มีการแบ่งเขตแดนเสร็จสิ้นแล้วระหว่างสยามและฝรั่งเศส ต้องแก้ไขคำพูดของ นายภูมิธรรม ว่าการรุกล้ำของกัมพูชาต้องแก้ไขที่เป็น โนแมนสแตน ทั้งที่เป็นแผ่นดินไทยของราชอาณาจักรไทยเท่านั้น 3 ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เพื่อยกเลิกแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 มาตรการที่ 4 ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ยกเลิกเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา และใส่เส้นมัธยะตามหลักสากล 5.สั่งการและมีมติเพิ่มเติมอำนาจต่อรองให้คณะเจรจา ไม่ว่าจะปิดด่าน แก้ปัญหาชายแดนพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาวุธสงคราม ยาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า ต้องกดดันต่อด่านปอยเปรตและกาสิโนทั้งหมด 6. หากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เลวร้าย ไม่สามารถเจรจาได้ ภาคประชาชนสนับสนุนให้กองทัพไทยประกาศกฎอัยการศึก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนที่มาจากความผูกพันทางเครือญาตของผู้นำการเมืองทั้งสองประเทศ หรือการสมยอมผลประโยชน์ส่วนตัวซึ่งกันและกัน โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ

ขณะที่นายวีระ กล่าวเรียกร้องอีกว่า หากใช้เอ็มโอยู 2543 ไปเจรจาเราจะแพ้กัมพูชา แค่เริ่มก็แพ้ และขอให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจรจาคือ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ทำให้ตนถูกจำคุกที่ กรุงพนมเปญ ให้ยอมรับว่าเราเข้าไปในเขตกัมพูชาทั้งที่เป็นเขตของประเทศไทย กล่าวหาว่าเราเป็นสายลับ ไปโจรกรรมความลับในกัมพูชา ขอยืนยันถ้าไทยจะให้ นายประศาสน์ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา ตนว่าประเทศเสียหาย และรัฐบาบแพืองธารต้องรับผิดชอบ เราถูกหลอก รัฐบาลหลอกประชาชน หลักฐานคือเมื่อวานกระทรวงกลาโหมกัมพูชากับ จอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกแถลงยืนยันว่ายังไม่ถอนทหารแค่ปรับกำลัง ประเทศไทยกลับออกข่าวว่ามีการถอนทหาร กัมพูชายอมแล้ว

จากนั้น นายสนธิ และแกนนำคนอื่นๆ ได้เดินออกมาพูดคุยกับมวลชน บริเวณด้านหน้าศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อพูดคุยถึงข้อตกลงต่างๆ ที่ส่งให้นายกรัฐมนตรีแล้ว

สำหรับบริเวณด้านหน้า นายจตุพร จตุพร ได้กล่าวว่า ไทยเสียดินแดนมากกว่าที่เหลือ ช่วงรัชกาลที่ 9และรัชกาลที่ 10 พูดว่าจะไม่ยินยอมเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายกฯแพทองธาร และนายทักษิณ เราเห็นเรื่องดินแดนเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี การลงพื้นที่ของนายกฯ ตรงข้ามกับแหล่งปัญหาทุกเรื่อง จะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามตะกร้อ “โนแมนสแลน แปลว่าแผ่นดินไม่มีเจ้าของ แต่แปลว่าชายที่ไม่มีแผ่นดินอยู่“ เมื่อมีการยืนยันชัดเจนว่า 3 ประสาทจะนำขึ้นศาลโลก ไม่ประชุมในโต๊ะเจบีซี และประเทศไทยส่ง นายประศาสน์ ไปเจรจาเรื่องประสาท ความเป็นจริงการเจรจาต้องยกเลิกเพราะเจบีซีคือทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่ขอเจรจากับกัมพูชา

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img