รมว.สาธารณสุข “เผยเดินหน้านำปัญหาแรงงานผิดกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ย้ำต้องใช้เทคโนโลยี “ไบโอเมทริกซ์” คัดกรองผู้ป่วยชายแดน ป้องกันต่างด้าวสวมสิทธิ์บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ ชี้เครื่องตรวจม่านตาราคาไม่แพง พร้อมเร่งแก้กฎหมายที่ขัดขวางการควบคุมโรคระบาด
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีแพทย์ออกมาเปิดเผยว่า โรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา พบกรณีชาวกัมพูชาสวมสิทธิ์ใช้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ของคนไทยว่า ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายถือเป็นเรื่องสำคัญ ตนได้นำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถดำเนินภารกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะการควบคุมโรคระบาด ซึ่งในอดีตมีโรคหลายชนิดเล็ดลอดเข้ามาในประเทศไทย
นายสมศักดิ์ระบุว่า ที่ผ่านมามีกฎหมายหลายฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของกระทรวงฯ จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณาปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การควบคุมโรคและการตรวจสอบผู้เข้ารับการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสวมสิทธิ์แล้วหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นรายบุคคล ซึ่งโดยขั้นตอนจะอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ไม่ได้รายงานตรงถึงตนโดยตรง อย่างไรก็ดี ตนได้เร่งแก้ปัญหาในภาพรวมแล้ว เช่น การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ก็ได้ดำเนินการปรับปรุงไปก่อนหน้านี้
สำหรับประเด็นว่าผู้มีสิทธิ์ใช้บัตรทองต้องเป็น “คนไทย” เท่านั้นหรือไม่ นายสมศักดิ์ยืนยันว่า “ใช่” และได้เสนอให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อพิจารณาแนวทางเพิ่มมาตรการตรวจสอบโดยการใช้ระบบไบโอเมทริกซ์ ตรวจม่านตาเพื่อระบุตัวบุคคล โดยชี้ว่าอุปกรณ์มีราคาย่อมเยา เครื่องละเพียง 15,000 บาท หากติดตั้งในโรงพยาบาลชายแดน 30 แห่ง ก็ใช้งบประมาณเพียงราว 400,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์
“เรายังไม่สามารถออกรหัสให้กับคนต่างด้าวได้ จึงต้องมีเครื่องมือที่สามารถยืนยันตัวตนได้อย่างแม่นยำ” นายสมศักดิ์กล่าว.