“เทพไท”ชำแหละมติแพทยสภา ยืนยันลงโทษแพทย์ 3 ราย ปมรักษานายทักษิณ ชินวัตร ที่ รพ.ตำรวจ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ชี้ชัดเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในคดีชั้น 14 ต่อศาลฎีกาฯ ย้ำผ่านภาษาวัยรุ่น “ตอกฝาโลง” ปมป่วยทิพย์ ยากกลับคำได้อีก
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
มติแพทยสภา ตอกปิดฝาโลง“ป่วยทิพย์”
ผลการประชุมแพทยสภา เพื่อยืนยันมติของแพทยสภาในการลงโทษแพทย์3ท่าน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษแพทยสภา ได้วีโต้ผลการประชุมครั้งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ทำให้ที่ประชุมแพทยสภาต้องยืนยันด้วยมติไม่น้อยกว่า 2ใน3 ขององค์ประชุม จึงทำให้ผลการประชุมแพทยสภายืนยันมติเดิม ด้วยเสียงไม่น้อยกว่า2ใน3 ซึ่งไม่ได้เกินความคาดหมาย เพียงแต่หลายฝ่าย ใจจดใจจ่อ และติดตามผลการประชุมว่า มติของแพทยสภาจะมีมากน้อยเพียงใด
การต้องการเสียงของแพทยสภาไม่น้อยกว่า2ใน3 มีความเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะผลการประชุมแพทยสภาครั้งแรก มีเสียงรับรองมากถึง 49 เสียง เกินจำนวน2ใน3 ที่มีจำนวน 47 เสียง แต่การประชุมครั้งที่2 ต้องการพิสูจน์มติของแพทยสภาว่า ยังยืนยันมติเดิมหรือไม่ ซึ่งในที่สุดมติของแพทยสภาท่วมท้น เห็นได้จากการที่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาได้แถลงยืนยันว่า มีเสียงเห็นด้วยเกิน 60 เสียง แต่จากการสืบเสาะหาตัวเลข หรือผลคะแนนที่แท้จริง ก็พบว่า มีเสียงรับรองถึง 67:1 กับ 65:3 และ65:3 จากองค์ประชุม 68 คน แสดงว่าเป็นมติเอกฉันท์
ซึ่งผลการลงคะแนนครั้งนี้ เป็นการยืนยันความเห็นของแพทยสภา ซึ่งจะเป็นข้อมูลนำไปสู่การไต่สวนคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถึงแม้ว่าผลการลงมติของแพทยสภาครั้งแรก น่าจะมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพอจะรับฟังได้ แต่การประชุมครั้งที่2 การลงมติเพื่อยืนยันมติเดิมด้วยคะแนนท่วมท้นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เป็นการยืนยันข้อมูลข้อเท็จจริงของแพทยสภาต่ออาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าป่วยวิกฤติจริงหรือไม่
ผลการลงมติของแพทย์สภาในครั้งนี้ เป็นคำตอบที่ชัดเจน เป็นข้อมูลที่มีน้ำหนักเพียงพอ สำหรับการยืนยันต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ผ่านภาษาวัยรุ่นเรียกว่า“ปิดฝาโลงแล้ว” หรือตอกฝาโลงไปได้เลย จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญในการไต่สวนคดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 13 มิถุนายน 2568 นี้