“นิกร” ยันปรับครม.ไม่กระทบ “ชทพ.” เพราะพรรคเล็ก เอาใจช่วย “พท.-ภท.” ใจเย็นๆคุยกันหาทางออกได้ เตือนยังมีกฎหมายหลายฉบับอาจไม่ผ่านวุฒิ เชื่อยังไม่ยุบสภาตอนนี้ เว้นแต่งบ69 ผ่าน เดือนตุลาฯรู้กัน
วันที่ 18 มิ.ย.2568 เวลา 12.00 น.ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทยเอาตำแหน่ง รมว.มหาดไทยคืน ว่า จากประสบการณ์ทางการเมืองกว่า 30 ปี เมื่อรัฐบาลอยู่ครบ 2 ปี มักจะมีสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคขนาดเล็กมีสส.10 คน จึงคิดว่าหากมีการปรับเปลี่ยนก็ไม่อยู่ในข่ายที่จะกระทบ เว้นแต่จะมีการรื้อ ครม.ทั้งหมด ซึ่งก็ไม่มีปัญหา หากสภาฯยังอยู่ก็ยังทำงานต่อ อย่างไรก็ตามสิ่งที่กังวลคือยังมีกฎหมายที่สำคัญรออยู่ และสถานการณ์นี้สุ่มเสี่ยงต่อการยุบสภา หากเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ และมีการโหวตกฎหมายต่างๆ แต่ก็ยังคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงยังมีการคุยกันได้อยู่ เพราะไม่ได้เป็นการเมืองระบบเก่าที่ข้ามฟากกันไป การเมืองตอนนี้เป็นสามเส้า อยู่จึงเชื่อว่าคุยกันได้ และหวังจะให้คุยกัน เพราะเรายังสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากกว่านี้ ถ้าการเมืองอ่อนไหว ท่ามกลางปัญหาของประชาชนและปัญหาชายแดน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ทั้งนั้น เราจะหวังได้แค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าเย็นลงได้ มีทางออกได้ก็จะดี แต่อีกอันที่ผมกังวลคือเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้ครบ 180 วันแล้วสำหรับร่างพ.ร.บ.ประชามติ ถ้าเดินไปข้างหน้าก็ยังทัน แต่หากเกิดมีปัญหาเรื่องความขัดแย้ง หรือแย่สุดมีการยุบสภา ร่างพ.ร.บ.ประชามติ ก็จะขาดไป ก็น่าเสียดาย
“หากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาล การทำงานของรัฐบาลก็จะลำบาก ซึ่งรัฐบาลเคยมีเสียงปริ่มน้ำมาแล้ว ทำงานลำบาก และเชื่อว่าไม่น่าจะมีการข้ามขั้วโดยพรรคประชาชนมาเป็นรัฐบาล เป็นเรื่องที่เป็นไปได้อยาก การยุบสภาจะง่ายกว่า และตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุนจาก สว.เพราะกฎหมายต้องผ่านวุฒิสภาด้วย ดังนั้นในเชิงนิติบัญญัติหรือเชิงกฎหมายจะยากมาก และยังมีปัญหาเรื่องการฟ้องจะยุบวุฒิสภาอีก เป็นการเปิดศึกกันเต็มที่ทางการเมือง และจะโดยอะไรก็แล้วแต่จะทำให้งานสภายากมากW”นายนิกร กล่าว
เมื่อถามว่าบรรยากาศเช่นนี้จะนำไปสู่การยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตนยังหวังว่าน่าจะยัง เพราะยังมีร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ค้างอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ซึ่งตรงนี้จะยึดเวลา แต่หาก พ.ร.บ.งบฯผ่านตนก็ไม่รับประกันแล้ว และจะเป็นการเมืองอีกมติหนึ่งเพราะเหลือเวลาอีกปีเดียว
นายนิกร ยังเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ออกระเบียบ รอร่างพ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งขณะนี้ครบ 180 วันแล้ว และรอให้สภาฯยืนยัน แต่สิ่งที่ต้องกังวลคือ ตอนนั้นพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย และศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้ชี้ว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง ตนจึงหวังว่า เรื่องที่ยากจะมาแก้ปัญหาทางการเมืองได้ เช่นหากพรรคร่วมรัฐบาลตั้งลำว่าจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อาจจะมาจับมือกันทำเรื่องนี้ได้ ตนก็ยังหวังว่าจะมีการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ในนามรัฐบาล จึงหวังให้รัฐบาลจับมือกันทำเรื่องใหญ่ๆสักเรื่อง แต่เรื่องสำคัญที่สุดคือร่างพ.ร.บ.งบ69 ถ้าไม่ผ่านก็จบเห่กันหมด ตรงนี้จะเป็นทั้งตัวปัญหา และตัวประคอง เป็นทั้งไฟและน้ำ ดังนั้นเดือน ต.ค.ก็คงจะรู้กัน