“๊ณัฐวุฒิ”ชี้ยุบสภาไม่ใช่หลักประกันความมั่นคงทางประชาธิปไตย ซัดหากเกิดรัฐประหารอีก เท่ากับปล้นอำนาจประชาชน ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลชุดใด พร้อมย้ำเสถียรภาพสำคัญในสถานการณ์ประเทศเผชิญภัยภายนอก
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความระบุว่า ยุบสภา ไม่ใช่ทางออก
ประวัติศาสตร์การเมืองระยะใกล้ การยึดอำนาจ 2 ครั้งล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลยุบสภา ความเป็นจริงของการเมืองไทย ยุบสภาจึงไม่ใช่หลักประกัน หรือ เครื่องมือตัดวงจรการยึดอำนาจ
โดยหลักการ การยึดอำนาจเป็นวิธีการนอกระบบ ไม่อยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย จึงไม่ควรถูกนำมาอ้างเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจทางการเมืองระบบรัฐสภา
ยุบสภาก่อนถูกยึดอำนาจ รีบเปลี่ยนแปลงในระบบก่อนอำนาจนอกระบบจะเข้ามา ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องแนวนี้ ถ้ายึดก็มีความหมายเดียวคือการปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชน ไม่มีเหตุผลใดๆมากล่าวอ้าง และไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลชุดใดก็ตามที่ไม่ยุบสภาแล้วถูกยึดอำนาจ เพราะที่ยุบแล้วก็ยังยึด
ถ้ายุบสภา รัฐบาลจะไม่มีอำนาจเต็ม การทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการณ์จะอยู่ภายใต้กฎหมายเลือกตั้ง การใช้อำนาจบริหารทั้งคนทั้งงบประมาณต้องขออนุญาตกกต. ทุกพรรคมีภารกิจหาเสียง ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เผชิญหน้าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งใช้สารพัดวิธีการเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
รัฐบาลฝ่ายเขาอำนาจล้น รัฐบาลฝ่ายเรารักษาการณ์ บทบาทหลักจะเป็นของกองทัพ สภาพการณ์แบบนี้น่าห่วงเรื่องการยึดอำนาจมากกว่า
ผมชื่นชมความชัดเจนของผู้นำเหล่าทัพที่ประกาศจุดยืนปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ สถานการณ์นี้ประเทศไทยต้องพึ่งพาท่าน เพื่อนำกองทัพทำงานอย่างเป็นเอกภาพกับรัฐบาล
แม้คณะยึดอำนาจที่ผมพบมาก็เคยพูดแบบนี้ แต่ในวันที่เจอภัยคุกคามจากภายนอก เมื่อกองทัพพร้อมทำหน้าที่ร่วมกับรัฐบาล การรักษาเสถียรภาพทางการเมืองจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องเกิดขึ้นภายใน 2 ปีหรืออาจเร็วกว่านั้น แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์นี้