“วิทยา-รองหน.รทสช.” ย้ำชัดๆ เปลี่ยนนายกฯคือทางรอด ถ้าไม่เปลี่ยน “รทสช.” ก็ออก ชี้ “แพทองธาร” หมดคุณสมบัติ รอดยากทั้งทางการเมืองและกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องรอให้ผ่านงบฯ 69 เชื่อปัญหาจริยธรรมตามมาเป็นขบวน
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.68 นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดของพรรค ที่ให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นำมติไปคุยกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า รอฟังข่าวอยู่ว่า เขาจะว่าอย่างไร เขายังไม่ตอบมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมติของพรรค คือขอให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่เปลี่ยน เราก็ต้องลาออก เพราะนายกฯหมดคุณสมบัติที่จะเป็นแล้ว อยู่ไปก็คงยาก 2-3 เดือนก็เต็มที่แล้ว ขณะนี้กระแสไปเร็วมาก มติที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้ แต่หัวหน้าพรรคไม่อยากพูด เพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษ
เมื่อถามถึงข่าวนายกฯแจ้งกลับมาแล้วว่า จะขอลาออกหลังจากผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ก่อน นายวิทยา กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ก็ค่อยมาคุยกัน แต่คิดว่า คงไม่จำเป็นหรอก เพราะงบประมาณฯอีก 3 เดือนกว่าจะผ่าน ไม่จำเป็นหรอก
“ปัญหาคือจะอยู่ถึงหรือป่าว ปัญหาเรื่องของจริยธรรมก็จะตามมาเป็นขบวนแล้ว มันรอดยากแล้ว ทางการเมืองก็การเมืองไป แต่ในทางกฎหมายยิ่งไปกันใหญ่ เร็วกว่าการเมืองด้วย กลัวว่าการเมืองยังไม่ทันจบ ทางกฎหมายจะไปก่อนแล้ว อย่างนี้จบเลย” นายวิทยา กล่าวย้ำ
เมื่อถามว่า เรายังคงยืนยันตามนี้อยู่ใช่หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า “ก็มันเป็นมติ เราก็ต้องยืนยันตามนั้น และคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาพรรคไว้ ถ้าเปลี่ยนแปลงจากนี้ ก็ต้องมาคุยกัน”
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลจะเอาเฉพาะ “กลุ่ม 18” ไป จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายวิทยา หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า จะไปอย่างนั้นอย่างไร ตนก็ยังแปลกใจกับการเมืองแบบนี้ ก็อาจจะฝากลูก ฝากหลานไปเป็นก่อนมั๊ง ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เขา เขาเป็นรัฐบาล เขาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก็อาจทำให้ระบบมันเสีย แต่เมื่อเราออกจากรัฐบาลแล้ว เราก็ไม่มีพันธะอะไรแล้ว เราก็ว่าของเราไป ส่วนข่าวที่ว่าการปรับครม. จะเสร็จสิ้นในวันที่ 22 มิ.ย.แล้วนั้น ไม่เป็นไร ให้จริงก่อน เรารอได้ไม่รีบ