“เทพไท ” เตือนอย่าเพิ่งดีใจ แม้พรรคร่วมจะหนุนรัฐบาลแพทองธาร แต่ยังต้องจับตา 3 ปัจจัยเสี่ยง ทั้งพระบรมราชโองการ ศาลรัฐธรรมนูญ และม็อบใหญ่ 28 มิ.ย. หากสะดุดเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหม่!
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 3 ปัจจัย ชี้วัดอนาคตรัฐบาล หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เข้าหารือเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี ที่โรงแรมโรดวู้ด ถนนเพลินจิต ภาพปรากฏออกมาว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคพร้อมสนับสนุนให้รัฐบาลนางสาวแพทองธารไปต่อ และมีการจัดสรรตำแหน่งโควต้ารัฐมนตรี ได้จนล่าสุด นางสาวแพทองธารก็ออกมาให้ข่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีลงตัว และเสียงสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้มีความเข้มแข็ง ซึ่งสรุปได้ว่า รัฐบาลชุดนี้ไปต่อได้
ในความเห็นส่วนตัว ผมยังไม่มั่นใจว่า รัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น แม้ว่าจะมีเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม คือพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา และมีการแบ่งโควต้ารัฐมนตรี แจกเก้าอี้รัฐมนตรีได้ครบถ้วน เป็นที่พึงพอใจของทุกพรรค แต่ถ้าจะให้มั่นใจว่า รัฐบาลชุดนี้ไปต่อได้จริง ต้องให้ผ่านปรากฏการณ์3เรื่องนี้ไปก่อน จึงจะเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ไปต่อได้คือ
1.ต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมาเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีการแต่งตั้งรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการ มีประกาศออกมาแล้ว ก็เชื่อว่าการฟอร์มคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หรือการปรับครม.ชุดใหม่ลงตัวแล้ว ก็เป็นรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ
2.ต้องดูปรากฏการณ์ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภาเกี่ยวกับความผิดจากคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรี และให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถ้าศาลพิจารณารับคำร้อง ก็ต้องดูว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ถ้าไม่รับคำร้องก็เป็นสัญญาณทางการเมืองอีกอย่างหนึ่ง ผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จะบ่งบอกถึงอนาคตทางการเมืองของรัฐบาลชุดนี้ ไม่รวมถึงคำร้องที่ยื่นต่อ ปปช. หรือ กกต. และการแจ้งความดำเนินคดีนายกรัฐมนตรี ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
3.ต้องดูผลการชุมนุมในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ว่ามีมวลชนมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณ หรือบ่งบอกถึงพลังของประชาชน ในการต่อต้านขับไล่รัฐบาลชุดนี้ รวมไปถึงพิจารณาความเคลื่อนไหวทางการเมืองในภูมิภาคผหรือในต่างจังหวัดด้วย ถ้าหากกระแสการชุมนุมขยายผล ขยายตัวกันอย่างกว้างขวาง จะส่งผลไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาล
อย่าชะล่าใจว่า รัฐบาลชุดนี้ไปต่อภายใต้การสนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องพิจารณาปัจจัย3เรื่องนี้ก่อน ว่ารัฐบาลชุดนี้จะผ่านปรากฏการณ์3เรื่องนี้ไปได้หรือไม่ ถ้าติดขัดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็แสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ไปต่อไม่ได้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างแน่นอน