วันพุธ, มิถุนายน 25, 2025
หน้าแรกHighlight“ป.ป.ช.”ชี้คดี“คลิปเสียง”ทำตามขั้นตอน ถ้าข้อมูลชัดเจน“นายกฯ”ไม่ต้องมาชี้แจง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ป.ป.ช.”ชี้คดี“คลิปเสียง”ทำตามขั้นตอน ถ้าข้อมูลชัดเจน“นายกฯ”ไม่ต้องมาชี้แจง

เลขาฯ ป.ป.ช. ไม่กดดันสอบคลิปเสียง นายกฯ จ้อ ฮุนเซน ระบุทำตามขั้นตอน ไม่ได้เร่งรัด ขั้นแรกถอดความคลิปเสียงก่อน หากข้อมูลชัดไม่ต้องให้ ‘แพทองธาร’ เข้าชี้แจง

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.68 นายสาโรจน์ พึงรําพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ป.ป.ช. มีมติรับสอบคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานพฤฒสภากัมพูชา ว่า เรื่องดังกล่าวมีการร้องเรียนมาที่ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีคนร้องเรียนคดีสำคัญเป็นที่สนใจของประชาชน และที่สำคัญคือ ป.ป.ช.จะต้องรายงาน และสรุปรายงานว่า มีการกล่าวหาใครว่าอย่างไรบ้างต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรับมาตรวจสอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบประเด็นดังกล่าวภายใน 10 วันนั้น นายสาโรจน์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ หลังจากที่ประชุมรับทราบแล้ว จะมีการกำหนดประเด็น และสิ่งที่จะต้องไปดำเนินการในเบื้องต้น รวมถึงระยะเวลา และเมื่อดำเนินการเสร็จ ที่ประชุมมอบหมายมีมติแล้ว ก็จะต้องกลับมารายงานที่ประชุมเพื่อพิจารณาในขั้นตอนต่อไป ไม่ได้หมายความว่าเสร็จ 10 วัน และจะต้องศาลรัฐธรรมนูญตามที่ปรากฏในข่าว ยืนยันว่าไม่ได้เร่งรัดอะไรขนาดนั้น เป็นการเร่งรัดในคดีสำคัญทั่วไปอยู่แล้ว และปราศจากภายใต้ข้อจำกัดทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเรียกสอบพยานหลักฐานในคดีนี้นายสาโรจน์ กล่าวว่า ต้องไปดูพยานหลักฐานที่ปรากฏ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อความในคลิปเสียงก่อนซึ่งมี 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ส่วนจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาหรือไม่นั้น สามารถทำได้หลายวิธี หรืออาจจะเชิญคนไทยที่มีความรู้ สามารถพูด ฟังหรือสื่อสารภาษาดังกล่าวได้ ก็เอามาให้ข้อมูลในประเด็นดังกล่าวได้ ไม่ต้องถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ ส่วนจะเรียกน.ส.แพทองธาร มาให้ข้อมูลหรือไม่นั้น ดูที่ข้อมูล หากมีความชัดเจนอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเรียก และหากข้อมูลเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ก็จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ส่วนจะเชิญหน่วยงานทหารหรือกระทรวงการต่างประเทศมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ ก็ต้องดูก่อนว่ามีประเด็นเกี่ยวข้องหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรอบจริยธรรมว่ามีความกว้างมาก นายสาโรจน์ ยืนยันว่า กรอบจริยธรรมมีหลักชัดเจนในเรื่องต่างๆ ว่าอย่างไรถึงจะผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง และมีบรรทัดฐานในการดำเนินคดี เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดีแรก รวมถึงศาลก็กรอบในการวินิจฉัยในเรื่องจริยธรรมเช่นกัน

เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณา ป.ป.ช. จะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสาโรจน์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นไม่จำเป็น เข้าใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในส่วนของคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่ของ ป.ป.ช. เป็นเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรมซึ่งเป็นเรื่องของพฤติกรรม การกระทำ เป็นคนละส่วนกัน แต่ก็จะทำควบคู่กันไป ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน

นายสาโรจน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้หนักใจ เพราะ ป.ป.ช. มีหน้าที่ทำคดีเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองครอบคลุมไปหมด ก็เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว มีเรื่องเข้ามาเยอะไปหมด แต่เราก็ต้องตั้งหลักให้ดี ยึดหลักกฎหมาย ไม่ว่าและไม่ผลจะออกมาซ้ายหรือขวา ก็จะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เราจึงต้องอธิบายเหตุผลให้ได้ ทั้งนี้ในการประชุมวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ตนไม่ได้รู้สึกกดดัน เพราะเราทำคดีอย่างตรงไปตรงมา.

- Advertisment -spot_imgspot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img