“แพทองธาร” พร้อมทีมงานระดับสูง เตรียมลงพื้นที่ด่านชายแดนสระแก้ว รับฟังสถานการณ์การค้า การเกษตร และอาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญทั้งความมั่นคง-ความเป็นอยู่ประชาชนแนวชายแดน
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงดีอีฯ อธิบดีกรมศุลกากร และรองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว
จากนั้นนายกฯ เดินทางไปยังโรงเรียนอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นประธานในการประชุมหารือ เรื่องผลกระทบจากมาตรการ การกำหนดเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย – กัมพูชา ที่ห้องประชุมโรงเรียนอรัญประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี จะรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ทั้งการค้าขาย และพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ต่อมานายกฯเดินทางต่อไปยังบริเวณด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ที่อยู่ตรงข้ามเมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ของกัมพูชา เพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณด่านชายแดน พร้อมพบปะพูดคุยกับประชาชน ผู้ประกอบการ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ขณะที่ช่วงบ่าย นายกฯ จะเดินทางต่อไปยังบริเวณบ้านดงงู ตำบลอรัญประเทศ เพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ รวมถึงพบปะกับนักเรียนและครู ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ พร้อมกับให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ที่ว่าการอำเภออรัญประเทศ ตำบลบ้านใหม่หนองไทร
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกฯจะรับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ และความต้องการในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจ รวมทั้งความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในบริเวณพื้นที่ด่านชายแดน ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชน โดยรัฐบาลขอยืนยันว่า จะเร่งขับเคลื่อน วางมาตรการในพื้นที่ชายแดนให้มีความเหมาะสม อย่างทันท่วงทีต่อทุกสถานการณ์ เพื่อตอบสนองต่อความมั่นคงในพื้นที่ด่านชายแดนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ต่อความมั่นคงของประเทศรวมทั้งทางด้านเศรษฐกิจ.