‘’อนุทิน’’ ประกาศชัดเจนไม่ยุบสถานีกลางบางซื่อ เผย’’บิ๊กตู่’’ เรียกหารือบ่ายนี้ พร้อมยืนยันการจัดซื้อยา และคซีนโควิดโปร่งใส ไม่ปิดบัง
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่สถานีรถไฟรังสิต ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมร่วมส่งผู้ป่วยโควิด -19 กลุ่มอาการสีเขียวกลับจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการส่งกลับครั้งนี้ส่งผู้ป่วย 135 ราย ไปยังเส้นทางจังหวัดในภาคอีสานใต้ตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร และอำนาจเจริญ ไม่มีแวะระหว่างทาง
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจว่าการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากกรุงเทพฯ แล้วอยู่ระหว่างการรอเตียง จึงจะนำผู้ป่วยกลับไปถึงมือแพทย์ที่จังหวัดภูมิลำเนา เป็นการดำเนินการในระบบที่มีการควบคุมตลอดเส้นทางการเดินทาง อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมงานกระทรวงสาธารณสุข มีแพทย์ร่วมเดินทาง 10 คนแบ่งเป็น 2 ทีม เมื่อไปถึงจังหวัดปลายทางจะมีรถพยาบาลและทีมแพทย์มารับ ไปส่งต่อที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งมีการจัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ มีชื่อ มีเตียงรองรับ ไม่มีพลาด ไม่ใช่ผู้ป่วยซื้อตั๋วกลับเอง
ทั้งนี้ การส่งผู้ป่วยกลับบ้านจะเริ่มดำเนินการไปจนกว่าความต้องการของผู้ป่วยจะหมด โดยกระทรวงคมนาคมสนับสนุนยานพาหนะทุกรูปแบบ ทั้งรถบขส. รถไฟ รถตู้ หากจำเป็นต้องใช้อากาศยานก็จะประสานกับทางกองทัพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางชัดเจนว่าถ้ามีระยะทางไกลมากเกินไปมีผู้ป่วยมากให้ประสานกองทัพในการ จัดส่งผู้ป่วยกลับไปรักษาอย่างถูกที่ภูมิลำเนา ขณะนี้อย่าเพิ่งเหมารวมว่าสถานการณ์ตึงไปทุกพื้นที่เราพยายามใช้เครือข่ายทุกอย่างที่มีแน่นอนว่าในบุคลากรสาธารณสุขภาระงานเต็มมือแต่เราไม่สามารถทอดทิ้งผู้ป่วยได้ ต้องทำสุดความสามารถให้ผู้ป่วยทุกคนได้เข้าถึงมือแพทย์ โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการสีเหลือง สีแดง”ตอนนี้ปลายทางมีรายชื่อ มีรถพยาบาลและเตียงเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว การทำงานเป็นการวางแผนกันมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เป็นการจัดระบบให้ผู้ป่วยได้กลับไปรักษายังภูมิลำเนาไม่ใช่เกิดจากการซื้อตั๋วกลับบ้านเอง” นายอนุทิน กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงปิดบริการศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยกล่าวอย่างมีอารมย์ว่า ยังไม่มีการยุบ ใครเป็นคนพูด จะไปอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้ฉีดไปเกินล้านคนแล้ว รายการฉีดวัคซีนของเมื่อวันที่ 26 ก.ค.จำนวน 30,000 คน การเปิดให้บริการ Walk in สำหรับผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม และหญิงตั้งครรภ์ จนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2564 ไม่จำกัดจำนวน ซึ่งในระยะต่อไป คือตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2564 จะเปิดให้บริการฉีดวัคซีนในประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปและ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่ผ่านการลงทะเบียนเท่านั้น เฉลี่ยวันละ 20,000 คน
”วันนี้บ่าย 2 นายกรัฐมนตรีเรียกประชุม ผู้ที่เกี่ยวข้อง คงไม่ได้เป็นไปตามที่พาดหัวข่าวที่แรงเหลือเกินว่ายุบสถานีกลาง จะยุบได้อย่างไร ไม่ต้องกังวล เราทำสิ่งที่ดี”
นายอนุทิน ยังได้ถึงการจัดซื้อยา ซื้อวัคซีนเวชภัณฑ์ในสถานการณ์โควิด ของกระททรวงสาธารณสุขว่า สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา ส่วนเรียกร้องให้เปิดเผยการฉีดวัคซีนแบบเรียลไทม์ หากเป็นไปตามกฎหมายคนที่จะเปิดเผยได้ก็คืออธิบดีกรมควบคุมโรคจะทำได้หรือไม่ บางกรณีหนึ่งก็บอกว่าเรื่องทางการแพทย์เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่สามารถเปิดเผย ได้ส่วนตัวหากเป็นอะไรเป็นไปตามกฎหมายสามารถทำได้หมด.