“กต.”เปิดให้ต่างชาติในไทยลงทะเบียน ฉีด“ไฟเซอร์”-ลุ้นศบค.ขยายล็อกดาวน์

กระทรวงการต่างประเทศเปิดให้ชาวต่างชาติในประเทศไทย ลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนเข็มแรก  ขณะที่ ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาขยายล็อกดาวน์และจ่อเปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ปลอดแรงงานติดโควิด

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 64 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ  เปิดเผยว่า  ตามที่ศบค.เห็นชอบให้จัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ไฟเซอร์ ที่รัฐบาลไทยได้รับบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ไปกระจายฉีดให้กับชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย นั้น

ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2564 กระทรวงการต่างประเทศเปิดให้ชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย ทุกกลุ่มอายุ และทุกจังหวัด ลงทะเบียนสำหรับการขอรับการฉีดวัคซีนเข็มแรก ผ่านเว็บไซต์ของกรมการกงสุล https://expatvac.consular.go.th/  โดยกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข จะร่วมกันจัดบริการการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติที่ได้ลงทะเบียน ตามหลักเกณฑ์ความจำเป็นเร่งด่วนเช่นเดียวกับของคนไทย เช่น ผู้สูงอายุ ตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคร้ายแรง  

ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนไว้ จะได้รับการแจ้งกำหนดการให้ไปรับการฉีดวัคซีนตามความจำเป็นเร่งด่วนและในจังหวัดที่พำนักอาศัย ต่อไป ส่วนนักเรียน นักศึกษา และนักกีฬาที่มีกำหนดการต้องเดินทางไปศึกษาหรือแข่งขันกีฬาในต่างประเทศนั้น  กระทรวงสาธารณสุขจะได้มีการประกาศแนวทางขอรับวัคซีนให้ทราบในโอกาสแรกต่อไป

ขณะที่ได้การประชุม ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ด่วน ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์  เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิคที่มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพิจารณามาตรการล็อกดาวน์ ตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 28 โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัดที่จะครบกำหนดเวลา 14 วัน ในวันที่ 2 ส.ค.นี้  โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม   เบื้องต้นยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากข้อกำหนดฉบับดังกล่าวกำหนดระยะเวลาดำเนินการต่อเนื่องไว้อย่างน้อย 14 วัน โดยไม่ได้ระบุวันสิ้นสุดข้อกำหนดไว้

นอกจากนี้จะมีการพิจารณาขยายพื้นที่ควบคุมเข้มในจังหวัด  โดยประกาศควบคุมเฉพาะบางพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สูงของจังหวัดนั้นๆ เท่านั้น และพิจารณาเปิดแคมป์คนงานก่อสร้างที่มีความพร้อม และปลอดภัยไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นเวลานาน 

รวมทั้งอีกทั้งจะมีการพิจารณา ผ่อนคลายมาตรการให้กับผู้ประกอบการร้านค้าในห้างสรรพสินค้า โดย อาจจะพิจารณาให้ขายได้ในระบบเดลิเวอรี่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การพิจารณาในภาพรวมของที่ประชุมศบค. รวมถึงคาดว่าจะมีการพิจารณาให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุโลมผ่อนผัน ให้รถขนส่งของบริษัทเอกชน ที่สนับสนุนขนส่งถังบรรจุก๊าชออกซิเจน และก๊าชทางการแพทย์สามารถเดินทางได้ในพื้นที่ต่างๆ และทุกห้วงเวลา และพิจารณาจัดตั้งสำนักงานกสทช.เป็นศูนย์ปฎิบัติการภายในโครงสร้าง ศบค.