“อดีตกุนซือบิ๊กป้อม” แฉ 2 แผนของ “กบฎล้มเจ้า” ซ่อนแผนฆ่าพวกกันเอง เปิดทางนักล่าอาณานิคมแทรกแซง เพื่อช่วย “ใครบางคน” แต่อาจจบไม่สวย จึงเตรียมงัดอีกแผน ถวายฎีกา “ปลดบิ๊กตู่” ชี้ “หัวโจก” ที่ทำเรื่องนี้ผิดเงื่อนไขประกันตัวแน่ จี้ “ศาล-อัยการ” ทำหน้าที่ถอนประกันตัว
กรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก นัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์ที่ 7 ส.ค.64 โดยมีกำหนดเส้นทางการเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังพระบรมมหาราชวัง ถึงขั้นประกาศจะทุบกำแพงวัง โดยการถือเอาวันที่ 7 ส.ค.เป็นวันยกระดับการชุมนุม เนื่องจากเป็นวันที่มีความหมายทางการเมือง ในเรื่องการต่อสู้ทางความคิดทางสังคมและการเมืองในอดีต เพราะเป็นวันครบรอบ 56 ปี “วันเสียงปืนแตก” เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายพรรคคอมมิวนิสต์เข้าต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลด้วยอาวุธ ถือเป็นวันเริ่มต้นสงครามประชาชน
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol เรื่อง “กบฏล้มเจ้าโดดเดี่ยวแล้ว!!!” มีเนื้อหาว่า…ขบวนการต่อต้านรัฐบาลและคาร์ม็อบหลายกลุ่มไม่ยอมถูกปล้นชิงการนำพาไปที่พระบรมมหาราชวัง เพราะทุกคนรู้ดีว่าแบบนี้จบไม่สวยแน่!!! และยังมีเล่ห์ร้ายซ่อนแผนฆ่าพวกกันเอง เปิดทางให้นักล่าอาณานิคมเข้าแทรกแซง!!! เพื่อช่วยเหลือใครบางคน!!!!
จึงเตรียมงัดแผน 2 คือถ้าไปที่พระบรมมหาราชวังไม่ได้ ก็จะพลิกแผนเป็นถวายฎีกาให้ปลดพลเอกประยุทธ์!!! หัวโจกออกหน้าเรื่องนี้ผิดเงื่อนไขประกันชัดเจน ท่านเลขาศาล หรืออัยการผู้รับผิดชอบ ยังไม่คิดที่จะทำหน้าที่หรือครับ!!!”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการชุมนุมคาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา “เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์” แกนนำม็อบสามกีบ ระบุว่า “เดือนนี้เป็นเดือนที่พล.อ.ประยุทธ์จะน่วมแน่นอน เพราะประชาชนต่างคนต่างเกลียดพล.อ.ประยุทธ์ทั่วหน้า ใครที่คิดว่าตัวเองเดือดร้อนก็มาร่วมกับเรา เดือนแห่งความเริ่มต้นของความฉิบหายของประยุทธ์เริ่มต้นขึ้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์มีเวลา 7 วันในการพิจารณาตัวเอง ก่อนที่จะมีการชุมนุมอีกครั้งวันที่ 7 ส.ค.นี้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่พิจารณาตัวเอง ประชาชนจะช่วยพิจารณาให้ ถ้ายังไม่ออกการขับไล่จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ”
ขณะที่ นายอานนท์ นำภา จากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ที่จัดชุมนุมครบรอบ 1 ปี “ม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็ระบุว่า “การต่อสู้ปีนี้จะสู้อย่างเป็นระบบมากขึ้น นอกจากกดดันบนถนน จะเสนอกฎหมายเข้าสภายกเลิกมาตรา 112 โยนไม้ต่อให้ส.ส. ถ้าไม่ทำอะไรจะเห็นดีกัน เวลาเลือกตั้ง จากนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คุณไม่มีทางห้ามพระอาทิตย์ไม่ให้ขึ้นได้ จะใช้ความรุนแรงแค่ไหนก็ฆ่าเราได้ไม่หมด การต่อสู้จากนี้จะมีความหมายมาก ไม่ใช่อีเวนต์ ทุกการชุมนุมจะเป็นการเอาชีวิตเข้าแลก บ้านเมืองนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว อะไรที่ไม่เคยเห็นจะเกิดขึ้นจะได้เห็น วันที่ 7 ส.ค.จะเป็นเครื่องพิสูจน์ เจ้าหน้าที่อย่ามาราดน้ำมันเข้ากองเพลิง ปีหน้าจะไม่จัดม็อบแฮร์รี่ จะเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่แทน”
ทั้งนี้ ทั้งนายพริษฐ์และนายอานนท์ ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขที่ห้ามการชุมนุมทางการเมือง แต่ก็ยังออกมาเคลื่อนไหวโดยไม่สนใจเงื่อนไขห้ามดังกล่าว