พท. รุมแซะ พม.WFH เมินร่วมแก้โรดร้าย เด็กกำพร้าผุดเป็นดอกเห็ดโควิดคร่าพ่อ-แม่ หลายหน่วยงานเงียบกริบ “มุกดา” ถามความมั่นคงของมนุษย์อยู่ตรงไหน
เมื่อวันที่ 19 ส.ค.64 ที่รัฐสภาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระ 2-3 วันที่สอง ต่อมาเวลา 13.15 น. ได้พิจารณาเกี่ยวกับงบกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) วงเงิน 21,411,133,800 บาท
โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ขอปรับลดงบ 10% เนื่องจากกระทรวงพม. ใช้งบไม่ตรงไปตรงมาในสถานการณ์โรคระบาดโควิด – 19 นักพัฒนาสังคมลงพื้นที่น้อยมาก สอบถามได้รับคำตอบว่า WFH แต่อย่าลืมว่าท่านเป็นด่านหน้าในการดูแลประชาชน อย่าเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ยังทราบมาว่า ตัวแทนพรรคการเมืองบางพรรคเอาของไปแจกบรรเทาทุกข์ประชาชน โดยอิงแอบการเมือง หลายครั้งถ้าทำเพื่อประชาชนไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงตนชื่นชม แต่ถ้ามีวาระแอบแฝงกักตุนเสบียงเอื้อพวกพ้องตนรับไม่ได้ ขอเตือนสติรัฐบาลว่าท่านทำอะไรมีคนมองเห็น หากได้รับคำเตือนควรแก้ไข ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ตนไม่ทราบว่ากระทรวงพม. ช่วยชาวบ้านยามเกิดโควิด – 19 อย่างไรบ้าง เห็นมีแต่กระทรวงอื่นที่ช่วยชาวบ้าน
ด้าน นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าจากสถานการณ์โควิด – 19 ที่ทำให้พ่อ แม่ และผู้ปกครองเสียชีวิต ทำให้มีเด็กกำพร้าเพิ่มจำนวนขึ้นในประเทศไทยจำนวนมาก เด็กเหล่านี้ขาดโอกาส ไม่มีคนเลี้ยงดู แต่ไม่มีการพูดถึงเลย นอกจากนี้ เด็กติดโควิดหลายหมื่นคน ก็ไม่มีหน่วยงานไหนที่ออกมาพูดถึง แม้แต่กระทรวงพม.เองก็ไม่ออกมาพูดถึง แล้วบอกว่าเป็นกระทรวงแห่งความมั่นคงของมนุษย์ ถามว่าความมั่นคงของมนุษย์อยู่ตรงไหน พ่อแม่ตายเด็กอยู่กับใครเรื่องนี้เจ็บปวด ถามว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ ไม่มีการดำเนินการช่วยเหลือ ตัดงบบางส่วนลงก่อนดีหรือไม่ งบคุรุภัณฑ์ งบฝึกอบรมสัมมนา หยุดก่อนได้หรือไม่ จะได้นำงบส่วนนี้มาช่วยเยียวยาแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน
ด้าน นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกมธ.พ.ร.บ.งบประมาณฯ ชี้แจงว่า กระทรวงพม.ได้รับงบประมาณ ปี 64 จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งการปรับเพิ่มส่วนที่ใหญ่มากคือเงินอุดหนุนดูแลเด็ก ซึ่งกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้รับ 1.7 หมื่นล้าน เป็นเงินที่ใช้จ่ายหรืออุดหนุนเด็กถึง 1.6 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือ 1 พันล้านบาท เราไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเฉพาะงบอบรมสัมมนา มีการตรวจสอบ และปรับลดในสถานการณ์โควิด – 19 เราทำเท่าที่จำเป็นก็มีการปรับลดมาแล้ว ดังนั้น ประเด็นที่เป็นห่วงสามารถตรวจสอบได้