“จุรินทร์” นำทีมปชป.ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมผ่านวาระ 3 สะท้อนรธน.แก้ยาก แต่ก็แก้ได้ ย้ำทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง จ่อต้้งกรรมการแก้กฏหมายลูก
วันที่ 10 ก.ย.64 ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันแถลงภายหลังลงมติร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ผ่านว่า พรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา ที่ให้ความร่วมมือในการทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบไปได้ด้วยดี
ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็สะท้อนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แม้จะแก้ยาก แต่ก็สามารถแก้ได้ ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือร่วมใจซึ่งกันและกัน ตนมั่นใจว่าจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของระบบพรรคการเมือง และระบอบประชาธิปไตยในอนาคตมากขึ้น เชื่อว่าเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนอยากเห็น
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนต่อไปจะต้องรอไว้ 15 วัน ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งระหว่าง 15 วันนี้ถ้ามีสมาชิกรัฐสภาสงสัยในเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการแก้ไขเที่ยวนี้ ก็สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่รับเรื่อง ถ้าทุกอย่างผ่านตามขั้นตอนกระบวนการจนกระทั่งทรงลงพระปรมาภิไธย และถือว่าผ่านกระบวนการเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญทุกประการแล้ว ขั้นต่อไปก็คือจะต้องมีการยกร่างกฎหมายลูก หรือพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขต่อไป ซึ่งเนื้อหาประกอบด้วยวิธีการสมัครรับเลือกตั้ง การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง การนับคะแนน การประกาศผล รวมไปจนกระทั่งถึงการที่จะต้องกำหนดมาตรการที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรมต่อไปด้วย ซึ่งจะเป็นเนื้อหาหลักๆ สำหรับกฎหมายลูกที่จะต้องดำเนินการต่อไป
“พรรคประชาธิปัตย์จะได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องของกฎหมายลูกต่อไป และขณะเดียวกันก็จะมอบให้วิปของพรรค หารือร่วมกับวิปสามฝ่าย ทั้งในส่วนของวิปพรรคร่วมรัฐบาล วิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เพื่อที่จะร่วมมือร่วมใจกันในการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง หรือกฎหมายลูกให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป”นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการ ตนก็ไม่มีข้อกังวลอะไร แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะมีการยื่นหรือไม่ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ดูที่ผลประโยชน์ส่วนตัวของพรรค แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ ดูที่หลักการว่าเราจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมือง และระบอบประชาธิปไตยระยะยาวได้หรือไม่ ที่ต้องพูดถึงการทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง
เพราะพรรคการเมืองเป็นกลไกสำคัญพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยในทุกระบบ ถ้าพรรคการเมืองไม่ว่าในระบบประชาธิปไตยรูปแบบไหนอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง ประชาธิปไตยประเทศนั้นก็เดินไปไม่ได้ หรือว่ายังประโยชน์สูงสุดให้เกิดกับประชาชนไม่ได้ เพราะฉะนั้นการสร้างระบบพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง ควบคู่ไปกับการสร้างประชาธิปไตยโดยรวม ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งหลักการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข