“โกวิทย์” เผยส่อแห้วยื่นศาลรธน.ตีความปมแก้รธน. หลัง “ภท.-ก.ก.” ไม่เอาด้วย จ่อเดินหน้าคุยต่อ ชี้เลือกตั้ง ซื้อเสียงรุนแรง “เพื่อไทย”ชนะทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์
วันที่ 11 ก.ย. 64 นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เราตั้งใจ แต่ตามรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง 1 ใน 10 ของจำนวนส.ส.และส.ว. หรือประมาณ 75 เสียง ซึ่งเสียงของพรรคเล็กไม่ถึงอยู่แล้ว เต็มที่ก็ประมาณ 30 เสียง ต้องไปขอเสียงของพรรคภูมิใจไทยและพรรคก้าวไกล หรือส.ว. อีกประมาณ 40 กว่าเสียง ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่า ส.ว. จะเล่นด้วยหรือไม่ ฉะนั้น กระบวนการการยื่นศาลรัฐธรรมนูญจึงอยู่ที่ 50-50 และดูท่าทีของพรรคภูมิใจไทยที่ออกมาแถลงว่าจะไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงพรรคก้าวไกลที่จะไม่ร่วมยื่นด้วย จึงมีความกังวลเรื่องเสียง ทั้งนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยเจรจากันอย่างเป็นทางการ ซึ่งตนคิดว่าอาจจะต้องมีการพูดคุยและเจรจากันแต่จะต้องเป็นการเจรจาทั้งพรรค เพราะหากเจรจาระดับสมาชิกก็อาจจะไม่ยุติ
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับทางส.ว.แล้วหรือไม่ นายโกวิทย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุย เพราะยังมีเวลาระหว่างนี้อีก 15 วัน ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้เนื่องจากเพิ่งผ่านการลงมติไปแค่ 1 วัน ซึ่งหากพรรคภูมิใจไทยที่มีเสียงประมาณ 60 เสียงมาร่วมด้วยประมาณ 50 เสียง และไปรวมกับส.ว.อีกประมาณ 10 เสียงก็เพียงพอแล้ว เพราะจะต้องมีน้ำหนักในการเข้าชื่อ
นายโกวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการเมืองข้างหน้า การซื้อเสียงจะมีความรุนแรงมากขึ้นในพรรคที่มีทุนที่จะมีความได้เปรียบ เมื่อแบ่ง ส.ส.เขต 400 คน จะทำให้แคบ และทำให้ใช้เงินซื้อง่าย ตนมองว่าประเทศไทยทิ้งน้ำหนักการคัดคนเข้าสู่การเมืองในระบบ ส.ส.เขตมากเกินไป ซึ่ง ส.ส.มักจะอ้างว่าต้องเข้าถึงและดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ตนขอถามว่าแล้วจะมีสมาชิกสภาเทศบาล สก. ไปทำไม ซึ่งเป็นการทำงานซ้อนกับท้องถิ่น ฉะนั้น ตนมองว่ายังไม่มีพัฒนาการทางการเมืองที่ทำให้ก้าวหน้า โดยเฉพาะระบบที่พิจารณาเรื่องจำนวน ส.ส.และที่มายังมีปัญหา
“ผมคิดว่าการเมืองหลังเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทย เพราะมีส.ส.เขตจำนวนมาก และก็จะได้บัญชีรายชื่ออีก เพราะอย่างน้อยเขาก็ยังศรัทธาเรื่องกองทุนหมู่บ้าน นโยบายรักษาทุกโรค ซึ่งผมคิดว่าพรรคพลังประชารัฐคิดผิดว่าจะได้เสียงข้างมากแทนพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐอาจได้เสียงรองจากพรรคเพื่อไทย เพราะมีโครงการคนละครึ่งหรือโครงการเยียวยาต่างๆ ส่วนพรรคที่เป็นจุดอ่อนอาจจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็อาจจะได้คนเก่าคนแก่มา หลายคนมองว่าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบสกัดพรรคก้าวไกล ผมว่าไม่ใช่ เพราะอาจจะได้ประโยชน์ในแง่นโยบายที่โดดเด่นได้เหมือนกัน” นายโกวิทย์ กล่าว