“ศรัณย์วุฒิ” คนจริงไม่ทนออกแถลงการณ์ทิ้งบอมบ์ “เพื่อไทย” โวยลั่นถูก “นักรบห้องแอร์” กลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ซัดคนกลุ่มนี้มีอำนาจใช้พรรคเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ทางการเมืองให้ตัวเองและพวกพ้อง แต่ทอดทิ้งปชช.
วันที่ 14 ก.ย.64 นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์หลังจากพรรคเพื่อไทยมีมติขับออกจากพรรค มีเนื้อหาว่า
“กราบเรียนพี่น้องชาวอุตรดิตถ์ และพี่น้องประชาชน ผู้รักความถูกต้อง เป็นธรรมที่เคารพ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่ามีคณะกรรมการที่อ้างตน ในนามพรรค เพื่อไทยได้มีมติขับผมออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วนั้น ผมขอถือโอกาสนี้ สื่อสารความในใจและความเป็นมาต่อพี่น้องดังต่อไปนี้
ผมได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในปี 2541 โดยร่วมกับท่านนายกทักษิณ และผู้ ร่วมก่อตั้งเข้ามาสร้างนโยบายเป็นส่วนหนึ่งในการวางเสาหลักของพรรค ผมลงสมัครในนามพรรคที่อุตรดิตถ์และได้รับการเลือกตั้ง ถึงแม้พรรคจะเจอมรสุมถูกทำลายจากอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ ถูกกลั่นแกล้งยุบพรรค เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนกรรมการมากี่ชุด ก็ไม่ได้ย่อท้อทิ้งพรรค ผมถูกกลั่นแกล้งรังแกจากคนบางกลุ่มในพรรคอย่างไร ก็ไม่เคยท้อถอย เพราะอยากจะยืนหยัดต่อสู้เผด็จการ สร้างพรรคให้เป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องประชาชน
ต่อมาเมื่อผู้ใหญ่ในพรรคที่ผมเคารพยังถูกรังแกและขอให้ผมกลับมาร่วมต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง ผมจึงกลับมาและได้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ทั้งในพื้นที่และในสภา ใช้ทุกเวทีที่มีอยู่ในการต่อสู้ โดยเฉพาะในสภา ในโอกาสของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมตั้งใจทำหน้าที่ให้พรรค และพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถอย่างสมศักดิ์ศรีมาโดยตลอด
สำหรับครั้งล่าสุดก็เช่นกัน ผมตั้งใจเตรียมทำข้อมูลอย่างดีที่สุด เพื่ออภิปรายแฉความชั่วร้ายของนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมทำอย่างเปิดเผย มิได้มีการแอบมุบมิบในการปฏิบัติแต่อย่างใด ผมกล้าพูดความจริงอย่างเปิดเผยมาโดยตลอด ผมกล้ายืนในที่สว่าง ไม่ยืนในที่มืด ไฟทุกดวงส่องถึง พิสูจน์ได้
กรณีของผม ต่างจากเพื่อน ส.ส. ท่านอื่นโดยสิ้นเชิง เพราะที่ผ่านมาการโหวตของผม ผมไม่เคยแหกมติพรรค แม้หลายครั้งที่ไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ครั้งนี้เป็นความเห็นต่างและที่ต้องขัดแย้งกับผู้มีอำนาจในพรรค ที่เรียกว่า “นักรบห้องแอร์ พูดเก่ง ได้แต่ประชุม” ผมโหวตไม่ไว้วางใจประยุทธ์ (ดังหลักฐานสภาที่ปรากฏ) ผมจะอภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์ ผมต้องการโดดเดี่ยวประยุทธ์จากพรรคร่วมรัฐบาล จนในที่สุดคะแนนของนายกต่ำสุด เขาเสียหน้ามาก
นักรบห้องแอร์เขาคิดได้แค่จะเอาชนะศึกเท่านั้น ไม่สามารถคิดที่จะเอาชนะสงครามได้ ผมถูกพวกนี้กลั่นแกล้งมาโดยตลอด ดูจากร่องรอยการอภิปรายทุกครั้งที่ผ่านมา แกล้งกดดันเรื่องเวลา อย่างเช่นครั้งนี้ รับปากให้เวลาผม 1 ชั่วโมง สุดท้ายตัดชื่อผมออก ไม่ให้อภิปราย ทั้งที่เวลาฝ่ายค้านยังเหลืออีกหลายชั่วโมง (ดังหลักฐานสภาที่ปรากฏ) พวกเขามีวิธีปกครองแบบอำนาจนิยม แต่ไม่สร้างการมีส่วนร่วม ซึ่งผมต่อสู้มาตลอด ใครไม่อยู่ในก๊ก ไม่ทำตาม ก็ถูกกลั่นแกล้งกล่าวหาว่าผมใส่ร้ายป้ายสีพรรค
ศรัณย์วุฒิคนจริงขอยืนยันว่าที่พูดไปทั้งหมดเป็นความจริงทุกประการ ไม่ใช่การกล่าวหาหรือป้ายสีแต่อย่างใด ผมกล้าเอาความจริงในพรรคมาพูด ก็เพื่อหวังดีต่อพรรคที่กำลังถูกคนกลุ่มนี้ที่ขึ้นมามีอำนาจบริหารพรรค แทนที่คนกลุ่มนี้จะทำให้พรรคเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน แต่กลับใช้พรรคเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ทางการเมืองให้ตัวเองและพวกพ้อง แต่ทอดทิ้งประชาชนที่มีการกล่าวอ้างอุดมการณ์ มันเป็นเรื่องจอมปลอมทั้งสิ้น มีแต่แสวงหาความมักใหญ่ใฝ่สูงให้ตัวเองและพรรคพวก คนอย่างผม พี่น้องอุตรดิตถ์ได้เลือกผมด้วยรักและศรัทธา ให้มาเป็น ส.ส.อย่างมีศักดิ์ศรี ผมขายอุดมการณ์ไม่ได้ ไม่ได้แม้แต่จะคิด หยุดเถอะ บาปบุญมีจริง
ขอจงเลิกทำ i.o. ใส่ร้ายป้ายสี กัดคนลับหลัง ด้วยการปล่อยข่าวว่าผมเป็นงูเห่าจะย้ายพรรคไปอยู่กับฝ่ายตรงข้าม ผมมีอุดมการณ์แน่วแน่ จะไม่อ้างกดบัตรผิด หรืออ้างป่วย แต่ผมกล้าลงมติที่เป็นประโยชน์กับฝั่งประชาธิปไตย และประชาชนมากกว่ามติพวกนักรบห้องแอร์ ผมบอกให้ก็ได้ครับ ตอนจัดตั้งรัฐบาล ก็ไปขอเสียงพรรคร่วมเหล่านี้ เพราะฉะนั้นการล้มรัฐบาล ประยุทธ์คือตัวปัญหา ผมสู้กับเผด็จการนอกพรรคก็เหนื่อยพอแล้ว ยังต้องมาสู้กับพวกเผด็จการในพรรค คนพวกนี้ด้อยค่าลูกพรรคมานาน
วันนี้พวกเขาต้องการทำเป็นพิธีกรรมเอาผมไป “ด่า” แล้ว “ไล่” ผมออกจากพรรคเหมือนครั้ง ในปี 2557 ที่เรียกผมไปพล่ามเป็นชั่วโมง แล้วแกล้งไม่ให้ผมลงสมัคร ส.ส. คนกลุ่มนี้ไม่พอใจที่ถูกอภิปรายสอนมวย ให้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้พิการ จึงถูกกลั่นแกล้งไม่ส่งลงสมัคร โดยแกล้งดึงเวลาจนถึงก่อนการปิดรับสมัครเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง เกือบลงสมัครไม่ทัน เดชะบุญท่านนายกบรรหารได้กรุณารับให้ลงในนามพรรคชาติไทย และพี่น้องชาวอุตรดิตถ์ ได้โอบอุ้มจนชนะพรรคเพื่อไทย ในนามพรรคชาติไทย
ผมรู้เท่าทันนิสัยคนพวกนี้ดี และไม่อยากเสียเวลาไปทะเลาะด้วย ผมจึงเลือกไม่ไป ขอเพื่อน ส.ส.ในพรรคเข้าใจนะครับ อย่ายอมเป็นเครื่องมือของพวกเขา สำหรับผมขอยืนยันไม่หนีไปไหน ยังขอยืนหยัดต่อสู้กับเผด็จการต่อไป ยึดมั่นอุดมการณ์ให้เป็นความหวังของประชาธิปไตย ให้สมกับที่เป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย ความจริงและเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ที่สุดทุกคนจะเห็นธาตุแท้ของพวกเขาเหล่านี้ว่าทำเพื่อประชาชน หรือเพื่อตนเองและพวกพ้อง ช่วยกันกำจัดปลวก เห็บ หมัด เรือดไร ก่อนบ้านเมืองของพวกเราจะพัง”