“รองโฆษกรัฐบาล” เผย กทม. ฉีดวัคซีนนร. กลุ่มเสี่ยง กว่า 2,000 ราย ไม่พบผลข้างเคียง ย้ำวัคซีนที่รัฐบาลนำมาฉีดมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 26 ก.ย.น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 12-18 ปี ทุกคน ทุกสังกัด จำนวนกว่า 4.5 ล้านคน เริ่มฉีดวัคซีนเดือนตุลาคม 2564 ผ่านสถาบันการศึกษา ครอบคลุม ทั้ง กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีความปลอดภัย และเตรียมความพร้อมรองรับกรณีที่อาจจะมีการเปิดภาคเรียน
ขณะที่ กทม. รายงานการฉีดวัคซีนโควิด-19 (ไฟเซอร์) ที่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีนักเรียนและเยาวชน กลุ่มเสี่ยง 7 โรค ในกทม. ได้รับ 1 เข็มจำนวน 1,681 รายและได้รับครบ 2 เข็ม จำนวน 614 ราย ไม่พบการรายงานผลข้างเคียง
อย่างไรก็ตามทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้มีการสำรวจจำนวนนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองยินยอมฉีด และไม่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งจะทำการฉีดวัคซีนภายในพื้นที่สถาบันการศึกษาในจังหวัดนั้น ๆ ขณะเดียวกันสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้รวบรวม จำนวนนักเรียนที่พักอาศัยในจังหวัดที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสถานศึกษาต้นสังกัด เพี่อเสนอต่อกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้จัดสรรยอดวัคซีนเพิ่มรายจังหวัด และให้สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้กำหนดวัน เวลา และสถานที่สำหรับการฉีดวัคซีนของนักเรียนกลุ่มดังกล่าวด้วย ในส่วนกรุงเทพมหานคร รายงานมีเด็กนักเรียนอายุ 12-18 ที่เป็น 7โรคกลุ่มเสี่ยงในกรุงเทพมหานคร และเด็กนักเรียนในสังกัดกทม. และสังกัดอื่นๆ มีการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์รับการฉีดวัคซีนกว่า 5,000 คน ฉีดวัคซีนแล้วประมาณ 2,000 คน ยังคงเหลืออีก 3,000 คน ซึ่งกทม.ก็จะได้เร่งดำเนินการให้สอดคล้องกับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
น.ส.รัชดา ยังกล่าวว่า จากการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน และเยาวชนใน กทม. กว่า 2,000 รายที่ผ่านมา ยังไม่พบการรายงานผลข้างเคียง ยืนยันว่าวัคซีนที่รัฐบาลนำมาให้บริการแก่เด็กนักเรียนและเยาวชน ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป รวมทั้งผู้ใหญ่ ผ่านการรับรองจากสำนักงานองค์การอาหารและยา องค์การอนามัยโลก และมีหลักฐานทางวิชาการที่บ่งชี้ว่ามีประสิทธิภาพและความปลอดภัย จึงขอให้ความมั่นใจแก่น้องๆ นักเรียน เยาวชน อย่างไรก็ตาม การให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ปกครองก่อนด้วย.