“จิรายุ” แย้มฝ่ายค้านจ่อยื่นอภิปรายตามม.152 สมัยประชุมหน้า เตือนรัฐบาลหยุดวุ่นวายเรื่องส่วนตัวแก้ปัญหาประชาชนบ้าง ขู่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลให้เวลาถึง 5 ต.ค. เบี้ยวเจอพ.ร.บ.คำสั่งเรียกแน่
วันที่ 1 ต.ค.64 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน เปิดเผยว่า ช่วงของการปิดสมัยประชุมนี้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายให้ประธานกรรมาธิการในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการตรวจสอบกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ และทำสรุปส่งให้พรรคผ่านสำนักงานปราบโกงทุกสัปดาห์ เพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดสมัยประชุมต่อไปในเดือนพ.ย.64 ซึ่งอาจจะมีการยื่นอภิปรายเป็นการทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่สำคัญที่จะชี้ให้ประชาชนเห็นว่าฝ่ายค้านได้ทำงานอย่างเต็มที่ หลายเรื่องที่อภิปรายไม่ไว้วางใจและติดตามตรวจสอบแต่รัฐบาลก็ไม่เคยตั้งคณะกรรมการ หลายประเด็นตนก็ไปยื่นร้องถึงนายกฯก็ตั้ง ลูกพี่สอบลูกน้อง และบางเรื่องก็ดองเรื่องเอาไว้ และที่สำคัญการแก้ไขในเรื่องการทุจริตของรัฐบาลปัจจุบันมีมากมายหลายกระทรวง ทบวง กรม และไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง สนใจแต่จะลงพื้นที่แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งกลุ่มแบ่งก้อนกัน ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร
“ฝากไปยังรัฐบาล อย่าเพิ่งวุ่นวายอะไรกับเรื่องของส่วนตัวมากมายนัก กรุณายุ่งและวุ่นวายความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้มากจะเป็นประโยชน์ยิ่ง อะไรที่เป็นเช้งนโยบาย อะไรที่เป็นการแก้ไขปัญหาทุจริตก็ทำ ไม่ใช่พอฝ่ายค้านไปแตะอะไรก็ออกมาแอคชั่นหน่อย อันนี้ถือว่าพี่น้องประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร” นาจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ดำเนินการแก้ไขอะไรนอกจากแก้ต่าง พูดเอาดีใส่ตัวและโยนให้ข้าราชการประจำ ซึ่งตนได้ติดตามโดยเฉพาะ 2 กระทรวงที่อภิปรายไปคือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยในส่วนของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้นได้เรียกเอกสารไปถึง 2 ครั้ง และเมื่อวานได้ลงนามหนังสือส่งไปเป็นครั้งที่ 3 จึงขอเรียนไปยังส่วนราชการว่า พ.ร.บ.คำสั่งเรียกที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าบังคับใช้ไม่ได้มีเพียง 2 มาตรา แต่มาตราอื่นยังบังคับใช้ เช่น มาตรา 15 ที่มีทั้งโทษจำและปรับ ดังนั้นหากไม่ส่งเอกสารหรือมีเจตนาบิดพริ้วที่จะไม่ให้ความร่วมมือฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบฝ่ายบริหาร โดยจะรอจนถึงวันที่ 5 ต.ค.64 ซึ่งหากครั้งที่ 3 นี้ยังไม่มาอีกก็จะใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ