“สุดารัตน์” ขอรัฐบาลพิจารณาขยายมาตรการพักหนี้เป็นการทั่วไปต่อไปอีกสักระยะ ก่อนที่หนี้ในระบบจะกลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้
วันที่ 17 ต.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ตามที่ทางภาครัฐได้มีการออกมาตรการพักชำระหนี้ โดยมีลูกหนี้ที่ขอรับความช่วยเหลือจากมาตรการดังกล่าวประมาณ 7 ล้านล้านบาท เป็นลูกหนี้ SME ประมาณ 1.35 ล้านล้านบาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวใกล้จะครบกำหนดแล้ว ทั้งนี้ปัญหาความเดือดร้อนจากเศรษฐกิจถดถอยได้แผ่ขยายเป็นวงกว้างและซึมลึกไปในทุกภาคส่วน ส่งผลกระทบต่อปัญหาการจ้างงานและรายได้ของประชาชน และส่งผลต่อหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากความผิดของประชาชนหรือผู้ประกอบการธุรกิจ แต่เป็นผลสืบเนื่องมาจากความผิดพลาดของการบริหารจัดการของภาครัฐ
พรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้พิจารณาขยายมาตรการพักหนี้เป็นการทั่วไปต่อไปอีกสักระยะ เช่น 6 เดือน ถึง 12 เดือน ก่อนที่หนี้ในระบบจะกลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ หนี้เสีย (NPL)เพราะหากภาครัฐไม่เข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้จำนวนมาก ก็อาจเข้าสู่ภาวะจำใจต้อง “ทิ้งหนี้” และในที่สุดต้องถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลาย ถูกยึดทรัพย์บังคับหลักประกันขายทอดตลาด ส่งผลต่อต้นทุนในการจัดการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และทำให้เกิดปัญหาการกดราคาทรัพย์สิน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ขอเสนอให้มีมาตรการรองรับในเรื่องดังกล่าวต่อไปนี้ดังนี้ 1. ขอให้นำระยะเวลาที่ได้รับการพิจารณาพักการชำระหนี้มาบวกกับระยะเวลาการผ่อนที่เหลือด้วย เช่น ลูกหนี้เข้าโครงการพักชำระหนี้เป็นเวลา 6 เดือน หากตามสัญญาเดิมที่ลูกหนี้ทำกับสถาบันการเงิน เหลือระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้อยู่อีก 20 เดือน เมื่อครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันแล้ว ก็ขอให้นำระยะเวลาที่ผ่อนผันมารวมด้วย เป็น 26 เดือน เนื่องจากลูกหนี้เองก็มีภาระดอกเบี้ยที่ต้องแบกรับในช่วงระยะเวลาที่ผ่อนผันมาโดยตลอด
2.ขอให้นำยอดดอกเบี้ยคงค้างที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ผ่อนผัน ยกยอดทั้งหมดไปชำระในงวดท้ายๆ หลังจากที่ได้ชำระเงินต้นหมดแล้ว 3.ขอให้คำนวณยอดเงินที่ต้องชำระต่อเดือน เท่ากับยอดชะระตามปกติของลูกหนี้ เช่น เคยชำระเดือนละ 100,000 บาท มาโดยตลอด หลังจากพ้นกำหนดการผ่อนผัน ก็ขอให้คงยอดที่ต้องชำระไว้ตามเดิม เพื่อไม่ให้เกิดภาระแก่ลูกหนี้เกินสมควร