นายกรัฐมนตรี ปลื้มไทยพัฒนาวัคซีนโควิด ‘ChulaCov19 mRNA’ กับใบยาใกล้สำเร็จ ซึ่งผลิตโดยจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยินดีที่วัคซีนโควิดฝีมือคนไทย “ChulaCov19 mRNA” กับ “ใบยา” ซึ่งผลิตโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใกล้ประสบความสำเร็จ
โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 มีมติอนุมัติงบประมาณ ในส่วนโครงการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จำนวน 2 โครงการที่เกี่ยวกับการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทย ได้แก่ 1.โครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 mRNA ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3 และการผลิตเพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีน
ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ให้ความเห็นชอบ วงเงิน 2,316.8 ล้านบาท และ2.โครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันวัคซีนจากใบยา (Baiya SARS-CoV-2 VAX1) ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยไทย จากบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด และคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อดำเนินการผลิตและทดสอบวัคซีนทางคลินิกในมนุษย์ระยะที่ 3 วงเงิน 1,309 ล้านบาท ทั้งนี้ รวม 2 โครงการเป็นเงิน 3,625.8 ล้านบาท
ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ออกมาเปิดเผยว่า วัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้จะช่วยเสริมความมั่นคงทางวัคซีนของประเทศ มีเป้าจะขึ้นทะเบียนได้ประมาณกลางปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้ไม่น้อยกว่า 60 ล้านโดส
และเมื่อไทยสามารถพัฒนาวัคซีน และผลิตด้วยตัวเองในทุกระยะ รวมทั้งสามารถดัดแปลงและปรับวัคซีนให้ครอบคลุมเชื้อ ซึ่งจะกลายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ ประเทศไทยก็จะสามารถรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือเชื้ออื่นๆ ได้ในอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความก้าวหน้านี้ เป็นผลจากการทำงานที่มุ่งมั่นตั้งใจ ของคนไทย เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้พี่น้องชาวไทย รวมทั้งยังสามารถต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนดังกล่าว ไปสู่การผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นใหม่ในไทยได้อีกในอนาคต รวมทั้งทำให้ไทยมีข้อมูลการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในประเทศที่น่าเชื่อถือตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลขอชื่นชมและสนับสนุนการผลิตวัคซีนทั้ง 2 โครงการอย่างเต็มที่ หวังว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะดำเนินการตามขั้นตอนให้ประสบความสำเร็จในระยะต่างๆ ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล