‘บิ๊กป้อม’ชี้บัตรเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินพรรคไหนได้เปรียบ ขณะที่’จุรินทร์’เชื่อรธน.ฉบับแก้ไขเป็นสัญญาณดีเสริมพรรคการเมืองเข้มแข็ง
เมื่อวันที่ 23 พ.ย.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมครม.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีการเลื่อนงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลจากวันที่ 26 พ.ย. ไปเป็นวันที่ 3 ธ.ค. ว่าส.ส.ติดธุระเยอะและประชุมสภาฯด้วย เดี๋ยวจะไม่พร้อมกัน
เมื่อถามถึงกรณีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการประเมินภายในหรือไม่ว่าได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ สองใบก็ต้องสองใบ ก็ต้องเลือกกันไป ก็แล้วแต่ประชาชน ส่วนมีการวิเคราะห์ว่าพรรคที่ได้เปรียบคือพรรคขนาดใหญ่ เช่น พปชร. และพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ว่าได้เปรียบหรือไม่ได้เปรียบ ต้องไปถามประชาชนว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เมื่อถามว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตทั้ง 400 เขตหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวเพียงสั้นๆว่า ก็ต้องเตรียมพร้อม
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า เรื่องสูตรการทำคำนวณนั้นมีหลักที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว หากให้อธิบายเข้าใจง่ายๆคือถ้าพรรคไหนได้คะแนน 100% ก็จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แต่วิธีการคำนวณอาจค่อนข้างซับซ้อน ทั้งนี้รัฐธรรมนูญที่แก้ไขฉบับใหม่นี้ถือว่าให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองมากขึ้น เพราะบัตรใบเดียวต้องเอาคนกับพรรคมามัดรวมกัน ประชาชนไม่สามารถแยกได้
“บัตรใบเดียวพรรคการเมืองถูกด้อยค่าลงไป ทั้งที่หลักการประชาธิปไตย พรรคการเมืองเป็นสถาบันและกลไกที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ เพราะหากพรรคการเมืองไม่เข้มแข็งไม่มีความสำคัญประชาธิปไตยก็ไปยาก จึงคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขนี้จะทำให้พรรคการเมืองมีความสำคัญขึ้น รวมทั้งการลงสมัครรับเลือกตั้งนอกจากประชาชนจะพิจารณาตัวบุคคลแล้วก็จะต้องพิจารณาพรรคด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะประชาธิปัตย์ก็สนับสนุนมาตลอด มาวันนี้รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้วถือเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับการสร้างความเข้มแข็งในระบอบประชาธิปไตยรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”นายจุรินทร์ กล่าว
ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ระบุว่ากรณีที่การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบหลายฝ่ายมองว่าพรรคภูมิใจไทยจะเสียเปรียบพรรคใหญ่เพราะเป็นเสียงที่แตกออกไปนั้น อยู่ที่ประชาชน ใบไหนก็ได้ ไม่ใช่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย ถ้าทุกพรรคทำงานเพื่อประชาชนประชาชนเห็นก็จะตัดสินใจได้ เมื่อถามว่าตั้งเป้าจะได้ส.ส.กี่ที่นั่ง เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า อีกนาน นี่เพิ่งจะมาครึ่งทาง และนายกฯก็ย้ำหลายครั้งแล้วตอนนี้ทำงานดีกว่า เพราะยังมีปัญหาเรื่องโควิด-19 และกำลังเปิดประเทศ ขอทำงานให้ประชาชนดีกว่า
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา เห็นว่า ไม่ว่าบัตรเลือกตั้ง 1 ใบหรือ 2 ใบ จะมีข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกัน ซึ่งข้อดีและข้อด้อยเหล่านี้ ทั้งพรรคใหญ่ และพรรคเล็กจะมีความได้เปรียบเสียเปรียบแตกต่างกันไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่ เมื่อเปลี่ยนกติกาแล้ว เราก็ต้องทำงานตามกรอบกติกา
