นายกฯ เป็นประธานการประชุมศบศ.พร้อมเปิดรับฟังความเห็นจากเอกชน ยันรัฐบาลเร่งปรับระบบ-ปรับโครงสร้างภาษีดึงนักลงทุนของนักธุรกิจไทย-ต่างชาติ ปลื้มบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายสนใจมาลงทุนในไทย
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.64 ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ในวันที่ 3 ธ.ค.ว่า วันนี้เราต้องรักษาเศรษฐกิจเดิมให้ได้มากที่สุดและจะต้องมีเศรษฐกิจใหม่ของเราเพื่อพลิกโฉมประเทศให้เดินต่อไปข้างหน้าในโลกยุคนิวนอร์มอล
ทั้งนี้ เราจะต้องไปดูเรื่องส่งเสริมการลงทุนของเราให้มีมากยิ่งขึ้น ต้องปรับรูปแบบกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงต้องปรับรูปแบบเรื่องสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปรับเรื่องโครงสร้างภาษีในส่วนของกระทรวงการคลัง ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการลงทุนในประเทศ
โดยคนไทยและนักธุรกิจข้ามชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงจะต้องดึงดูดคนที่มีศักยภาพสูงให้เข้ามาประกอบธุรกิจหรือเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยเราจะช่วยทำทุกอย่างให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันตนยืนยันว่าจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับคนไทยและธุรกิจของคนไทย เราต้องช่วยไปด้วยกัน บางทีการสร้างความเข้มแข็งเปรียบเหมือนการนำไม้ไผ่เล็กๆหลายๆแท่งมามัดรวมกันเป็นกำก็จะหักไม่ได้ แต่ถ้าไม้ไผ่เล็กๆแท่งเดียวจะถูกหัดได้ง่าย
ดังนั้นเราต้องทำทั้งเรื่องการลงทุนข้ามชาติ การลุงทุนในประเทศโดยคนไทยและส่งเสริมการลงทุนของคนไทยในต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างจีดีพีของประเทศไทยให้เติบโตขึ้น และจะส่งผลให้งบประมาณภาครัฐมีมากขึ้นทำให้ประเทศพ้นกับดักต่างๆไปได้แล้วเราจะมีเงินมาดูแลประชาชนของเรา เพราะที่ผ่านมาประเทศของเรายังมีการเติบโตไม่เพียงพอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่าถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยนก็จะอยู่ลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้มีปัญหาหลายอย่างทั้งเรื่องภาษี การจัดเก็บรายได้ ที่ยังจัดเก็บไม่ได้มากนัก ส่งผลให้มีการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลดังนั้นเราต้องหาทางลดการขาดดุลให้ได้มากที่สุดซึ่งคือการลงทุน
วันนี้ได้มีการเจรจากับหลายประเทศและบริษัทหลายแห่งซึ่งเขาสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย เราทุกคนไม่ควรทำลายศักยภาพที่ประเทศเรามีอยู่ ทั้งในเรื่องความสงบเรียบร้อย ความรัก ความสามัคคี อัตลักษณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ เราต้องพัฒนาทั้งหมดนำไปสู่ความทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเกษตร การพาณิชย์ การลงทุนธุรกิจใหม่ และอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นทุกพื้นที่
สิ่งเหล่านี้คือเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการให้ได้ตามนี้และตามงบประมาณที่เรามี ขณะเดียวกันเวลาไม่คอยท่าใคร ถ้าประเทศเราเริ่มก่อน เราก็จะได้ประโยชน์ก่อน เพราะเวลานี้เป็นช่วงที่ทุกบริษัทขนาดใหญ่ในโลกกำลังแสวงหาสถานที่ประกอบการที่เหมาะสมที่ทำให้เกิดประโยชน์โดยรวมทั้งของเราและของเขานั้นคือเรื่องสิทธิมนุษยชนด้านเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันเราต้องปรับกฎหมายหลายฉบับควบคู่กับการทำความเข้าใจกับประชาชน ถ้าเราไม่ทำสิ่งเหล่านี้เราก็จะช้าเกินไป จึงขอให้ทุกคนมาช่วยกันทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย ขณะเดียวกันก็ขอให้ ศบศ.ไปรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนแล้วเสนอเข้ามา ทั้งนี้ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีนโยบายอยู่แล้วในการสนับสนุนส่งเสริมภาคเอกชน