“นักร้องเรืองไกร” ชิงดักคอ จ่อร้อง “ป.ป.ช.” สอบปม “ปาร์ตี้ฝ่ายค้าน” อังคาร 7 ธ.ค.นี้ เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ จี้ให้สอบถามโรงแรมว่า ใครเป็นเจ้าภาพ ใครออกค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม และมีส.ส.คนใดไปร่วมงานบ้าง
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.64 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่าพรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมจัดเลี้ยงกระชับมิตรในวันอังคารที่ 7 ธ.ค.นี้ เวลา 18.00 น. ที่โรงแรมเอสซี พาร์ค โดยปรากฏข่าวเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า จะแถลงผลการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา การประเมินบทบาทตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา และการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน และแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต จากนั้นจะรับประทานอาหารร่วมกัน โดยพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อชาติ จะได้แนะนำกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ภายในพรรคร่วมฝ่ายค้าน
นายเรืองไกร กล่าวว่า ปัจจุบันมีมาตรฐานทางจริยธรรมฯกำกับไว้ โดยเฉพาะข้อ 9 และข้อ 10 ที่ห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ส.ส.) มีการรับประโยชน์อื่นใดรวมอยู่ด้วย หากมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนก็จะมีโทษตามมาได้ ดังนั้นการที่ส.ส.จะไปร่วมงาน โดยไม่ได้ออกเงินเอง หรือมีผู้อื่นผู้ใดหรือพรรคการเมืองใดออกเงินให้ อาจจะเข้าข่ายเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับประโยชน์อื่นใด อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ หรือเป็นการรับที่ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับให้รับได้ อาจจะเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯตามมาได้
นายเรืองไกร กล่าวว่า ดังนั้นตนจะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ ถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ เพื่อขอให้ตรวจสอบว่ามีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใด (ส.ส.) มีการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯหรือไม่ โดยสอบถามจากโรงแรมผู้ให้บริการ ว่าใครเป็นเจ้าภาพ ใครออกค่าสถานที่ ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม เป็นต้น หากทราบว่าใครเป็นเจ้าภาพหรือเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย หรือหากพรรคการเมืองใด เป็นผู้จ่ายเงิน ต้องทำบัญชีชี้แจงตามพรป.พรรคการเมือง และมี ส.ส.คนใดไปร่วมงานบ้าง เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการตรวจสอบ
นายเรืองไกร กล่าวว่า ถ้าป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ส.ส.) ที่ได้รับเลี้ยง มีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯข้อ 9 และข้อ 10 อาจจะมีปัญหาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคสาม คือ ในกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา หากเป็นเช่นนั้น ก็จะมีผลไปถึงการเป็นบุคคลต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 98 วรรคหนึ่ง(18)