“เทพไท” ฟันฉับการเมืองภาคใต้พังยับ หลังพรรครัฐบาลแข่งขันกันเอง ชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน แพ้กันไม่ได้ เกิดปรากฎการณ์จ้างมาฟังปราศรัย
วันที่ 14 ม.ค.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวข้อความว่า โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 จังหวัดชุมพร และเขต 6 จังหวัดสงขลาแล้ว ต้องยอมรับความจริงว่า เป็นการแข่งขันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน คือพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่เดิม กับพรรคพลังประชารัฐ ผู้ท้าชิง ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ใหม่ ที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งซ่อมยุคนี้ เพราะสมัยอดีตที่ผ่านมา พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จะไม่มีการแข่งขันกัน จะให้สิทธิ์เจ้าของพื้นที่เดิม ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน กับผู้สมัครของฝ่ายค้าน เพื่อวัดความนิยมจากประชาชน ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคที่เป็นนักการเมืองอาชีพ ก็จะแสดงสปิริต และยึดถือมารยาททางการเมืองเป็นสำคัญ ที่ถือปฎิบัติกันมา ไม่ว่าสมัยพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์, นายบรรหาร ศิลปอาชา, นายทักษิณ ชินวัตร, นายสมัคร สุนทรเวช นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ฯลฯ
แต่การเมืองยุคนี้ เมื่อนายทหารมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ก็อาจจะคิดแบบทหาร ไม่ยึดถือมารยาทยึดหลักกินรวบ รุกคืบไปทุกพื้นที่โดยไม่สนใจ ความรู้สึกและความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน จึงทำให้มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน แพ้กันไม่ได้ แย่งชิงผลงานของรัฐบาล โจมตีกันเองอย่างดุเดือด ซึ่งย่อมเกิดรอยร้าว ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ และความรู้สึกของพรรคร่วมรัฐบาล ในการร่วมรัฐบาลด้วยกันไม่มากก็น้อย เชื่อว่าเป็นการได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอน
แต่ที่น่าสลดใจไปมากกว่านั้น ก็คือทำให้สนามการเมืองภาคใต้ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มีการใช้เงิน ใช้กลุ่มอิทธิพล และอำนาจรัฐกันอย่างโจ่งแจ้งและถ้าการเลือกตั้งซ่อม ทั้ง 3 แห่งในพื้นที่ภาคใต้ คือ เขต 3 นครศรีธรรมราช, เขต 1 ชุมพร, เขต 6 สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ยึดถือมารยาททางการเมือง ไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันด้วย วัฒนธรรมทางการเมืองในภาคใต้ ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ตอนนี้เกิดวัฒนธรรมการใช้เงินรุนแรงมาก มีการซื้อเสียงให้ลงคะแนน มีการจ้างให้มาฟังการปราศรัย ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นที่รับรู้กันของคนในพื้นที่ และสื่อมวลชนก็จะได้เสนอข่าวเรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่อง แต่คนที่ไม่รู้ว่า มีการซื้อเสียงในการเลือกตั้งซ่อม น่าจะมีเพียง กกต.เท่านั้น